นามิเบีย(เเอฟริกา)สัมผัสชีวิตชนเผ่าฮิมบา

นามิเบีย (Namibia) หรือสาธารณรัฐนามมิเบียอยู่ในทวีปแอฟริกาค่ะ ทางใต้ติดกับประเทศเเอฟริกาใต้ส่วนทางตะวันออกติดกับประเทศบอตสวาน่า ทางเหนือเชื่อมต่อกับเเองโกล่าเเละเเซมเบีย ภูมิประเทศของนามิเบียประกอบด้วยทะเลทรายเเละที่ราบสูงเป็นส่วนใหญ่ ฤดูกาลท่องเที่ยวจะอยู่ในช่วงเดือนตค.-ธค. เพราะอากาศจะเย็นสบายเเละไม่มีฝนค่ะ
* การขอวีซ่าเข้าประเทศนามิเบียจะต้องส่งเอกสารทั้งหมดไปขอที่มาเลเซียนะคะ เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยยังไม่มีสถานทูตนามิเบียค่ะ *
เอกสารที่ต้องส่งไป
1. พาสปอร์ตที่มีหน้าเหลืออยู่ และมีอายุก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2. รูปถ่ายสี 2 รูป ขนาดเท่ารูปทำพาสปอร์ต
3. สำเนาหน้าพาสปอร์ต
4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน หรือวิธีการกลับออกนอกประเทศ
5. ใบจองที่พัก
6. สำเนาหน้าบัตรเครดิต แนะนำว่าให้ปิดเลขท้าย 3 ตัวหลัง
7. ค่าธรรมเนียมวีซ่า: ตามหน้าเวบไซต์ของสถานทูตระบุไว้ว่า วีซ่าท่องเที่ยว 60 USD, วีซ่าธุรกิจ 106 USD แต่ตอนโทรไปถามที่มาเลเซีย เจ้าหน้าที่บอกว่าวีซ่าท่องเที่ยวเปลี่ยนเป็น 75 USD เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน เพราะฉะนั้นทางที่ดีก่อนส่งเอกสารให้โทรไปถามก่อนอีกครั้ง
8. แบบฟอร์มการของวีซ่า http://www.namibiahighcommission.com.my/visaApp.pdf

มีโอกาสได้ทานเนื้อสัตว์ป่าเป็นครั้งเเรก ....ถึงจะมีโอกาสเดินทางไปแอฟริกาหลายครั้งเเล้ว เเต่ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยของเนื้อม้าลาย ละมั้ง ,ยีราฟ ในรูปแบบของพิซซ่า เเละบาบีคิวเสียบไม้ เสนอราคาอยู่ที่จานละ 20 USD

มีโอกาสได้เดินทางไปทางตอนเหนือของประเทศนามิเบียเพื่อรู้จักกับวัฒนธรรมของชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า Himba ใครที่เคยอ่านเรื่องราวของชนเผ่าของเเอฟริกามาบ้างก็จะรู้นะค่ะว่า นามิเบียมีชนเผ่ากลุ่มน้อยที่ชื่อว่าฮิมบาอาศัยอยู่ มีมากถึงหมื่นกว่าชีวิต ชาวฮิมบานี้นะค่ะส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศยังคงดำเนินชีวิตเเบบดั้งเดิมเเท้ คืออยู่อาศัยกับธรรมชาติเเละใช้ดินโคลนเเดงในการชำระล้างล้างกายเเละตกเเต่งทรงผม ตลอดจนบ้านเรือนที่ทำมาจากดินโคลนเเดงด้วยมีทั้งผมเปียเเละทรงเดรดร๊อกที่ทำได้ทุกเพศทุกวัยตั้งเเต่วัยเด็กวัยผู้ใหญ่ไล่ไปจนถึงวัยเเก่ ใครที่มาเที่ยวนามิเบียเเละอยากที่จะเจอฮิมบาก็สามารถที่จะเจอได้ตามเขตเมืองได้ด้วย อาจที่จะไม่ต้องขับรถไปไกลถึงทางตอนเหนือ เพราะชาวฮิมบาสมัยใหม่บางกลุ่มนิยมเดินทางเข้ามาในเขตเมืองเพื่อค้าขายสิ้นค้าท้องถิ่นหัตถกรรมที่ทำมาจากมือของตนเอง รวมถึงให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

ค่าเข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านฮิมบาจะเก็บค่าเข้าชมคนละ20USD เงินส่วนนี้จะถูกนำไปเป็นค่าอาหารเเละค่าใช้จ่ายภายในหมูบ้าน อีกทั้งรอบๆหมู่บ้านของชาวฮิมบายังมีร้านขายของที่ระลึกที่ทำมาจากฝีมือของคนในหมู่บ้านด้วย ใครที่อยากจะอุดหนุนสินค้าของเผ่าก็เลือกได้ตามใจชอบ

ภาพนี้เป็นหม้อหุ้งข้าวที่ใช้ทำอาหารของเผ่าฮิมบาค่ะ ข้าวที่คิวมีลักษณะเหลวมาก จับตัวเป็นก้อนเหมือนข้าวเหนียวเปียกเเต่เละกว่า ไม่มีรสชาติ เพราะชาวฮิมบาไม่รู้จักการใช้เกลือหรือน้ำตาลมาผสมอาหาร .....กรรมวิธีคือหุ้งในเตาถ่าน ต้มจนเละสุก ครอบครัวนึงจะเเบ่งกันกินได้

เด็กฮิมบานอนอยู่ในบ้านที่ทำมาจากหลังคามุงจากค่ะ

หลายคนคงที่จะไม่ชอบมาเที่ยวเเอฟริกาสักเท่าไหร่เพราะอาจจะไม่มีอะไรสวยๆงามๆให้ดูกันมากนัก เเต่ถ้าจะมาดูวิถีชีวิตผู้คน ดูธรรมชาติ บอกได้คำเดียวว่ามาเเอฟรกาคุ้มสุดๆค่ะ

บ้านของฮิมบาที่สร้างมาจากวัสดุธรรมชาติค่ะ ดินเหนียวโบกกันจนเป็นบ้าน หลังคามุงด้วยจากกันเเดดเเละฝนได้ เด็กๆในหมู่บ้านดูสุขภาพจิตดีกันทุกคน เพราะอยู่ร่ายล้อมกับธรรมชาติ

พอตกเย็นพี่ก็..มาตั้งวงร่วมกันกินข้าวที่หุ้งขึ้น เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายดีนค่ะ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรียนรู้ได้ดีจากทริปเเอฟริกาก็คือ ชีวิตที่เรียบง่ายั่นเเหละค่ะ

นางท่านนี้กำลังสาธิตวิธีทำความสะอาดผิวด้วยดินสีเเดงอยู่ ....ชาวฮิมบาจะไม่นิยมอาบน้ำเหมือนเราๆนะค่ะ เเต่จะใช้ดินเเดงทาตัวเพื่อทำความสะอาดร่างกาย คือนำมาโขกกับหมอที่เห็นอยู่จนละเอียดถึงจะเอามาทาผิวต่อได้

ฮิมบาบางคนขยันหน่อยก็จะนั่งทำหัตถกรรมไว้คอยขายนักท่องเที่ยวค่ะ อย่างเช่นคุณป้าคนนี้ที่กำลังเอาเชือกฟางมานั่งถักเป็นกระเป๋า

เด็กๆไร้เดียงสา น่ารักมากมายค่ะ พอบอกจะขอถ่ายรูปเท่านั้น รีบวิ่งกันมาร่วมเฟรมใหญ่เลย

หมู่บ้านฮิมบา มักที่จะปลูกติดๆกันเป็นกระท่อมเล็กๆค่ะ ไม่มีน้ำไฟ อยู่กับธรรมชาติล้วนๆ