รีวิว

เที่ยวยุโรป เยอรมนี เช็ก ออสเตรีย

Germany - Czech Republic - Austria
วันออกเดินทาง 11/11/2015
วันเดินทางกลับ 18/11/2015
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 5 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน > 50,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม ปกติชอบเที่ยวเองเพราะได้บรรยากาศของเมืองที่ไปเที่ยวได้ดีกว่า แต่เพราะทริปนี้พาพ่อกับแม่เที่ยวจึงเลือกใช้บริการทัวร์ ก็ดีไปคนละแบบค่ะ
50K views
วันที่
1

ทริปนี้เริ่มต้นที่แฟรงก์เฟิรตตอน 7 โมงเช้าค่ะ อากาศกำลังดีหนาวนิดๆ ช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศจะเป็นสีส้มสีน้ำตาลไปทั่ว

ที่แรกที่แวะเที่ยวคือจตุรัสโรเมอร์ เป็นจตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ไปถึงแต่เช้าร้านรอบๆ เลยยังไม่เปิดกัน คนก็ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อากาศก็กำลังดีเดินเล่นถ่ายรูปกันสบายๆ

ถ้าข้ามถนนไปอีกฝั่งของจตุรัสจะมีร้านขนมปัง ร้านกาแฟเปิดกันแต่เช้า เดินผ่านแล้วได้กลิ่นหอมของขนมอบใหม่ น่ากินมากกกก

เพราะเป็นคนชอบกินขนมปังอยู่แล้วเลยอดใจไม่ไหว แวะชิมไปหนึ่งร้าน เราแวะกันที่ร้าน Der Bäcker Eifler เป็นร้านเล็กๆ แต่มีขนมให้เลือกหลายชนิด จริงๆ แล้วร้านนี้มีสาขาอยู่หลายที่มากค่ะ ใครผ่านเจอลองแวะชิมกันได้

พอกินขนมรองท้องเสร็จเราก็เดินกลับไปแถวๆ จตุรัสโรเมอร์อีกครั้ง พอเริ่มสายหน่อยก็เจอทัวร์คนจีนเต็มจตุรัสเลยค่ะ แต่บริเวณอื่นรอบๆ ยังมีมุมเงียบๆ ให้ถ่ายรูปเล่นได้อยู่ จากนั้นก็เดินทางต่อไปเมืองแบมเบิร์ก

เมืองแบมเบิร์ก (Bamberg) เป็นเพียงไม่กี่เมืองในเยอรมนีที่ไม่ถูกระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกไหนที่เก่าก็คือเก่าของจริง เราแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารในโรงแรม Hotel Brudermühle อยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (รูปด้านบน) อาหารรสชาติใช้ได้ค่ะ แต่ซุปเค็มมากกกก เค็มจนกินไปสามคำต้องหยุด รสชาติอาหารส่วนใหญ่จะติดไปทางเค็มๆ หน่อย เกือบทุกสิ่ง ใครไม่ชอบทานเค็มอาจจะต้องทำใจนิดนึง

หลังอาหารเที่ยงก็ด้านไปถ่ายรูปบริเวณศาลาว่าการเก่า จากนั้นเดินต่อมาเรื่อยๆ มาที่ St. Peter's and St. George's Imperial Cathedral เป็นมหารวิหารประจำเมือง ข้างๆ กันคือ New Residence จริงๆ ถ้ามีเวลาก็อยากเดินให้ทั่วกว่านี้ แต่เวลามีน้อยจึงต้องรีบไปต่อ

วันที่
2

คืนแรกพักโรงแรมที่นูเรมเบิร์กค่ะ ตอนเช้าก็นั่งรถไปเมืองคาร์โลวี วารี (Karlovy vary) ในสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองสปา มีน้ำพุร้อน น้ำแร่ และดังเรื่องการบำบัดโรคต่างๆ เป์นอีกเมืองที่สวยบรรยากาศดีมากๆ เมืองเหมือนถูกล้อมด้วยภูเขามีแม่น้ำผ่านกลางเมือง อาคารบ้านเรือนเป็นสีพาสเทลน่ารัก ที่นี่เขามีน้ำแร่ให้ชิมด้วยนะคะเผื่อใครอยากลอง แม่ลองชิมดูบอกว่าเหมือนน้ำผสมสนิม น่าจะเพราะว่าแร่ธาตุในน้ำค่อนข้างเยอะ เลยมีรสชาติแปร่งๆ แบบนี้

ออกจากคาร์โลวี วารี เราก็ไปต่อที่ปรากกว่าจะถึงก็เย็นพอดี เลยได้ออกไปเดินแค่แถวๆ สะพานชาร์ล เพราะอยู่ตรงแม่น้ำตอนกลางคืนเลยลมแรงและหนาวปากสั่น ใครจะไปเที่ยวแถวนั้นตอนกลางคืนต้องเตรียมตัวให้ดีด้วยนะคะ

วันที่
3

วันนี้เป็นวันที่หนาวสุดของทริป คือทริปนี้ไปหลายเมืองสรุปได้ว่าปรากหนาวสุด ลมก็แรงมาก เดินกันมือชาตัวสั่นตลอด เช้านี้ที่แรกที่ไปคือปราสาทปราก (Praque Castle) ปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขา ถ้ามองลงมาจากปราสาทจะแห่งวิวของกรุงปรากสวยสุดๆ บริเวณปราสาทปรากมีมหาวิหารเซนต์วิตุส (St. Vitus Cathedral) เป็นมหาวิหารโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในปราก ส่วนใหญ่ภายในวิหารหรือโบสถ์เราจะถ่ายรูปข้างในได้นะคะ แต่ในปราสาทนี่ห้ามเกือบทุกที่ แถวปราสาทยังมีย่านช่างทองโบราณ เหมือนเป็นหมู่บ้านของช่างฝีมือสมัยก่อน ตอนนี้เป็นร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ

ออกจากปราสาทปรากก็เดินทางต่อมายังสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) เมื่อคืนที่มาว่าเย็นแล้ว กลางวันกลับเย็นกว่าเพราะลมแรงหนักเดินหัวปลิวตลอดทาง สะพานชาร์ลส์ถ้าไปตอนกลางวันนี่คนเยอะมากค่ะ บนสะพานมีทั้งแผงลอยขายของที่ระลึก คนรับวาดภาพล้อเลียนภาพเหมือน จนไปถึงขอทาน เดินตั้งหัวถึงท้ายสะพานจะเจอเป็นระยะๆ ใครไปช่วงคนเยอะๆ ระวังโดนล้วงประเป๋าด้วยนะคะ

เดินจากสะพานชาร์ลส์ไปเรื่อยๆ เพื่อไปประตูเมืองเก่า คนเยอะตลอดทาง ร้านค้าก็เยอะด้วยเหมือนกันใครเป็นขาช้อปสามารถละลายเงินได้เต็มที่ แถวประตูเมืองเก่ามีศาลาว่าการเมืองหลังเก่ากัยหอนาฬิกาดาราศาตร์ที่จะตีบอกเวลาทุกชั่วโมง ไปยืนดูตอนตีบอกเวลามาเหมือนกันมีคนยืนคอยดูเยอะอยู่ แต่ตอนตีรู้สึกแบบว่า ห่ะ ตีแล้วหรอ... อ่าว จบตอนไหน....

วันที่
4

จริงๆ เดินทางมาถึงเชสกี้ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) ตั้งแต่ค่ำเมื่อวาน แต่เหนื่อยมากกกเลยไม่ได้ออกไปเดินเล่น ในเมืองนี้รถใหญ่เข้าไม่ได้นะคะ เราจึงลงจากรถบัสแล้วเดินเข้าเมืองเพื่อมาเข้าโรงแรมเอง แต่กระเป๋าทางโรงแรมใช้รถเล็กขนเข้ามาให้ก่อนแล้ว

เชสกี้ครุมลอฟเป็นเมืองเก่าอายุกว่า 300 ปี สร้างขึ้นในยุคกลาง อยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา เมืองนี้ตึกสีสันน่ารักมีหลังคาเป็นสีส้มๆ ทั้งเมือง ไม่รู้เพราะเดินเล่นช่วงเช้าหรือเปล่าเลยรู้สึกว่าเมืองนี้เงียบมาก เป็นเมืองที่เงียบไม่ค่อยเห็นผู้คนมากที่สุดของทริป

ถ้าอยากได้วิวสวยๆ ของเมืองเชสกี้คลุมลอฟ ต้องขึ้นไปถ่ายบนปราสาทคลุมลอฟค่ะ เชสกี้คลุมลอฟเป็นเมืองเล็กๆ แต่ปราสาทคลุมลอฟนี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากปราสาทปรากเลยทีเดียว จะมีมุมนึงของปราสาทเป็นระเบียงที่ยื่นออกมา เป็นมุมยอดฮิตที่จะถ่ายรูปวิวของเมืองสวยๆ ไปถึงมุมนี้ต้องแย่งกันถ่ายรูปสุดฤทธิ์เพราะดันไปเจอกับกรุ้ปทัวร์เกาหลีพอดี แต่คุ้มค่าที่ยืนรอถ่ายนะคะ เราชอบมุมนี้ที่สุด

ตกบ่ายออกจากเชสกี้คลุมลอฟมาต่อกันที่เวียนนา ที่แรกที่ไปคือพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก เป็นพระราชวังฤดูร้อน สร้างตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตอนเดินชมข้างในเขาจะมีออดิโอไกด์ให้เราเดินฟังไปด้วยค่ะ แต่เป็นภาษาอังกฤษ

เรามาแวะกันที่ตลาดคริสมาสต์หน้า City hall ของกรุงเวียนนา มีทั้งร้านขายของประดับตกแต่งต้นคริสมาสต์น่ารักๆ แต่ก็ขายซ้ำๆ กันหลายร้านเหมือนกัน ต้องลองเดินเลือกดูนะคะ บางร้านเป็นของแฮนด์เมดก็น่าซื้อกลับไปเป็นของฝาก นอกจากร้านขายของตกแต่งก็มีพวกร้านขายขนม อย่างโดนัท ขนมปัง ซึ่งก้อนใหญ่มากซื้อมากินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ เลยไม่ได้ลอง แต่ที่เขาบอกว่าต้องชิมคือไวน์ร้อน (Mulled wine) ซึ่งไม่ได้ลองอีกเช่นกัน ร้านไวน์ร้อนนี่คนเยอะทุกร้าน อากาศเย็นๆ เดินจิบไวน์อุ่นๆ น่าจะดี

หลังจากนั้นไปต่อโบสถ์สเตเฟ่นส์ (St. Stephen's Cathedral) ซึ่งไม่ได้เข้าไปข้างใน ข้างๆ โบสถ์ก็มีตลาดคริสมาสต์เหมือนกันแต่ร้านดูน้อยกว่าหน้า City hall แล้วแวะไปเดินเล่นที่ถนนคาร์นทเนอร์ (Kartnerstrasse) เป็นแหล่งช้อปปิ้งมีแบรนด์เสื้อผ้าเยอะแยะ แต่เพราะเป็นวันอาทิตย์ร้านไม่เปิดค่าาาา แต่ในร้านเปิดไฟไว้นะ แต่ประตูปิดสนิท อดช้อปไปตามๆ กัน แต่ๆๆ ถ้าใครอยากเสียทรัพย์มากๆ ก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกเปิดอยู่ค่ะ มีพวกชอคโกแลต ของตั้งโชว์ เสื้อ ฯลฯ เข้าร้านไปแล้วก็เจ็บตัวไม่น้อยเหมือนกัน

วันที่
5

เช้านี้มุ่งตรงไปที่ฮัลสตัท (Hallstat) ทริปนี้มาเพื่อสิ่งนี้เลย ทางไปยังฮัลสตัทมีหลายทางค่ะได้ทั้งทางรถ รถไฟแล้วต่อเรือ ส่วนเรานั่งรถไปค่ะ ทริปนี้คือเดินทางด้วยรถตลอดทริปเลยเห็นวิวสองข้างทางของแต่ละประเทศแตกต่างกัน เยอรมันจะดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้จะออกไปชานเมืองบ้านเรือนก็ยังสวยดูดีอยู่ สาธารณเช็กในเมืองแต่ละเมืองตึกจะดูโบราณสวยดีค่ะ แต่จะเปรอะๆ หน่อย โดนพ่นสีบ้าง โปสเตอร์บ้าง ยิ่งออกไปชานเมืองระหว่างทางจะดูไม่เรียบร้อยเท่าเยอรมัน ส่วนออสเตรียก็ดูสวยสะอาดดีค่ะ พอออกไปนอกเมืองให้อารมณ์แบบผ่อนคลาย บ้านจะน่ารักๆ ตกแต่งด้วยดอกไม้ต้นไม้ นอกเรื่องยาว.... ภาพข้างล่างเป็นข้างทางระหว่างไปฮัลสตัทค่ะ จริงๆ ตอนที่ใกล้ถึงจะเห็นถนนเลียบทะเลสาบซึ่งสวยมาก แต่ถ่ายรูปไม่ทัน

พอได้เดินเข้าไปในฮัลสตัท รู้สึกแบบสวยคุ้มกับที่รอจริงๆ หมู่บ้านจะเงียบๆ ไม่พลุกพล่าน วันที่ไปอากาศดีด้วยค่ะ ไม่หนาวมากเย็นกำลังดี เดินกันสบายๆ เลย เสียดายที่อยู่ได้แค่ครึ่งวันก็ต้องกลับ ถ้าให้ดีใครที่มาเที่ยวแนะนำให้ค้างซักหนึ่งคืน จะได้เดินเที่ยวทั่วๆ ส่วนมุมยอดฮิตที่คนชอบถ่ายรูปกัน ถ้ามาจากทางเข้าหมู่บ้านแถวลานจอดรถให้เดินตรงมาเรื่อยๆ เดินขึ้นโบสถ์ไปชมวิวแปปนึง แล้วเดินลงมาไม่ไกลก็จะถึงจุดที่ถ่ายรูปค่ะ

ออกจากฮัลสตัทก็มุ่งตรงไปมิวนิคเลยค่ะ ไม่ได้แวะที่ไหนต่อ ออ..สำหรับคนที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ตามจุดพักรถทั้งในเยอรมันและออสเตรียจะเสียค่าเข้าห้องน้ำทุกที่นะคะประมาณ 0.50 - 0.70 ยูโร แต่เราสามารถเอาคูปองที่ได้จากเงินค่าห้องน้ำไปซื้อของในร้านได้ค่ะ อีกอย่างนึงมาถึงออสเตรียอย่าลืมชิม apple strudel ขนมพายแป้งบางไส้แอปเปิ้ล เป็นขนมขึ้นชื่อของออสเตรีย

วันที่
6

วันสุดท้ายออกจากโรงแรมในมิวนิค ออกเดินทางที่เมืองโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau) ไปชมปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle) ต ้ นแบบของปราสาทเจ ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์ ใกล้ๆ กับปราสาทนอยชวานสไตน์คือปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา (Hohenschwangau Castle) ปราสาทนี้ไม่ได้เข้าไปข้างในค่ะ

เราขึ้นไปชมปราสาทนอยชวานสไตน์โดยรถบัสแล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย คนต่อแถวขึ้นรถค่อนข้างเยอะทีเดียว บางคนรอไม่ได้ก็เดินขึ้นเองหรือนั่งรถม้าขึ้นไป ก่อนเข้าไปข้างในปราสาทต้องซื้อตั๋วก่อนนะคะ และต้องรอคิวด้วย เขาจะได้ทะยอยให้คนเข้าไปเป็นรอบๆ ไม่ได้มาถึงก็เข้าได้เลย ข้างในปราสาทจะมีออดิโอไกด์ให้เช่นเดียวกับที่เวียนนา แต่ที่นี่ดีตรงที่มีภาษาไทยด้วยสบายเลย ก็เดินชมปราสาทไปฟังประวัติไปเรื่อยๆ เพลินดีค่ะ ขากลับเราขึ้นรถม้ากลับแทน เหม็นมาก ถ้าตัดเรื่องกลิ่นออกไปก็บรรยากาศดีอยู่ค่ะ

ออกจากปราสาทก็กลับเข้ามิวนิคไปเดินช้อปปิ้งที่จัตุรัสมาเรียน พลาสท์ (Marienplatz) เพราะไปเที่ยวช่วงพฤศจิกายน เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกเร็วแค่สี่โมงครึ่งก็เริ่มมืดแล้ว ทำให้รู้สึกเหมือนแต่ละวันเที่ยวได้ไม่เยอะเท่าไหร่ พอถึงจัตุรัสมาเรียน พลาสท์ ต้องรีบพุ่งไปซื้อของทันที ที่มีร้านแบรนด์เนมเยอะเลยค่ะแต่ว่าต้องเดินหน่อยเพราะบางร้านก็อยู่ไกลออกไป จบทริปนี้ที่มิวนิคหลังจากช้อปปิ้งเสร็จก็ไปสนามบินเลยทันที

แนะนำเลยถ้าใครอยากพาพ่อแม่ไปเที่ยว อาจจะมีวันที่ต้องเดินเยอะบางแต่เราคิดว่าไม่หนักเกินไป แล้วมีเวลาให้พักผ่อนบนรถ และช่วงที่ไปนี้อากาศเย็นกำลังดี มีวันที่หนาวมากๆ แค่วันเดียวคือที่ปราก และบางเมืองยังเห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ อยู่ เสียอยู่อย่างหายไปในฤดูนี้คือมืดเร็วไปหน่อย ทำให้วันๆ นึงรู้สึกว่าเที่ยวได้ไม่เยอะ

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง