รีวิว

พระอาฑิตย์ตกดินบนทับเบิก

Thailand
วันออกเดินทาง 21/10/2016
วันเดินทางกลับ 24/10/2016
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 2 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน 1,001 - 5,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม ทริป 4 วัน 2.5 คืน
36K views
วันที่
1

ทริปนี้ตั้งใจไปสัมผัสของความสวยงาม ของทะเลหมอกบนภูทับเบิก เห็นหลายๆ คนไปแล้วถ่ายรูปกันออกมาสวยๆ ทั้งนั้น
เราเลยอยากไปบ้าง เเล้วก็อยากไป สัมผัสอากาศเย็นๆ บ้าง 555 เเต่พอมานั่งมองแผนที่เเล้วกุมขมับ ไกลมากครับ
เส้นทางจาก กทม. ไป ภูทับเบิก ใช้เวลาเกือบ 6-7 ชั่วโมงเลย ระยะทางทั้งหมด 451km ครับ เลยตัดสินใจว่า จะเเบ่งการเดินทาง
ออกเป็น 2 ช่วง คือ กทม-เพชรบูรณ์ เเล้วก็ เพชรบูรณ์-ภูทับเบิก จะได้ขับรถไม่เหนื่อยมากนัก

คืนวันที่ 21 ตุลาคม เราออกเดินทางกันตอน 4ทุ่ม ใช้ถนนกาญจนาภิเษก หมายเลข 9 วิ่งขึ้นเหนือ ไปบรรจบกับ ถนนพหลโยธิน หมายเลข 1 เเถวๆวังน้อยครับ
จากนั้น มุ่งหน้าสู่ สระบุรี ก่อนถึงตัวเมือง มีเส้นทางเลี่ยงเมืองสระบุรี ถนนหมายเลข 362 ครับ ท่านใดไม่อยากเข้าไปรถติดในเมือง สามารถใช้เส้นทางนี้ได้เลย
จากนั้นเราก็กลับมาสู่ ถนนหมายเลข1 ขับมาได้ สักพัก จะมาถึงทางเเยก ไป เพชรบูรณ์ ให้เราเลี้ยวขวา เข้าสู่ถนนสาย สระบุรี-หล่มสัก หมายเลข 21 ขับต่อมาอีกนานเเสนนาน ก้จะมาถึง จ.เพชรบูรณ์ ครับ

เรามาถึงที่ พัก ตอน ตีสาม พอดิบพอดี ไม่ขาดไม่เกิน เราเข้าพักที่ Tamarind Place เป็น Service Apartment ครับ อยู่ใกล้กับ Big C เลย ราคาคืนละ 400บาท.....อย่าพึ่งตกใจกับราคานี้นะครับ คือ 400 บาท เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ได้รับเลย คือ ห้องใหญ่ ใหม่มาก เตียงใหญ่ นุ่ม นอนสบาย แอร์เย็น ไม่มีความน่ากลัวเเม้เเต่น้อยเลยครับ ก็เข้าที่พัก หลับฝันดี ตั้งใจว่า เช้าวันใหม่จะรีบตื่นขึ้นไปภูทับเบิก

วันที่
2

9โมงเราล้อหมุนครับ ตอนเเรกว่าจะไปหาซื้อเสบียงเเถวๆทางขึ้นภูทับเบิกเเต่ว่าที่เราพักติดกับ big c เราเลย เเว้บเค้าไปตุนเสบียงไว้ก่อนเลยครับ จากนั้นก็เข้าไปหาไรรองท้องในเมืองก่อน ร้านที่มีคนเเนะนำมาเป็น ข้าวขาหมู/ก๋วยจั๊บ เเต่ไปถึงก็หมดละครับ เลยไปกินก๋วยเตี๋ยวเเถวๆนั้นเเทน

ออกจากเมือง มุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก ใข้ถนนเลี่ยงเมืองหล่มสัก จะไปตัดเข้า สาย12 ขับต่อมาประมาณ1.5km เจอสี่เเยก เลี้ยวขวา เข้าสู่ถนนสาย 2372
ขับต่อมา 13km จะเจอทางเเยก เลี้ยวซ้ายขึ้นภูทับเบิก ใช้ถนน 2331 ครับ

ทางขึ้นภู สองข้างทางก็จะมีไร่สตรอเบอรี่ ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปเก็บ + ถ่ายรูปได้ มีหลายจุดอยู่เหมือนกัน เเต่ทางขึ้นค่อนข้างชันเหมือนกันนะครับ ขับขี่ต้องระวังเป็นพิเศษเลย

ขึ้นมาถึงทับเบิกประมาณ 11โมงเช้า อากาศเย็นสบาย ประมาณ 20 องศาได้ ตั้งใจจะไปกลางเต๊นท์ที่ไร่ริมผา จุดกางเต๊นท์ยอดฮิต ที่ว่ากันว่า วิวสวยสุด

ขับรถลงไป การจราจรหนาเเน่เเละติดขัดมากๆ พอไปถึง กลายเป็นว่า ที่กางเต็นท์เต็ม

ยุ่งเลย ไม่รุ้ว่าจะไปกางที่ไหนเลยทีนี้ เคว้งคว้าง บนภุ กันเลยทีเดียว

ซ้าย: บรรยากาศ บริเวณไร่ริมผา
ขวา: ทางลงมาไร่ริมผา

หลังจากที่วนรถหาอยู่สักพาก็เจอที่ที่อยากไปนอน เเต่เห็นถนนเเล้วเราไปต่อไม่ได้ละ มีบางช่วงบางตอนที่ เนินดินชันมากๆ เลย ยอมเเพ้

สุดท้ายเราก็ได้จุดกลางเต๊นท์ ณ. ไร่เเสงเมฆ วิวไม่ได้ขี้เหร่ ห้องน้ำพอรับได้ มีเครื่องทำน้ำอุ่นเเบบใช้เเก๊สให้ใช้
ค่าเสียหาย เอาเต๊นท์มาเอง คนละ 100 บาท ถ้าเช่าเต๊นท์พร้อมเครื่องนอน เต็นท์ละ 1,000 บาทครับ

กางเต๊นท์ยังไม่ทันเสร็จ ฝนก็โปรยลงมาอย่างหนัก ดีที่ เต๊นท์เรากางไว้บ้างเเล้ว เลยเค้าไปอาศัยหลบฝนได้ ^^

ฝนหยุด หมอกเริ่มมา อากาศชื้น เย็นสบาย เเต่....พื้นเปียกเเละเเฉะมาก!
เดินกันสนุกสนาน ได้เวลาออกมาเดินเล่นละ

เราออกเดินมา ชมวิว ณ.ไร่ริมผา กัน วิวสวยมาก ๆ เเต่คนก็เยอะมากๆ เช่นกัน พอมองลงมาเเล้ว เห็นถนนที่เราขับขึ้นมากัน ขดเคี้ยวเหมือนงูเลย

ต่อมาเราก็เดินขึ้นมาหา ของกินเล็กๆน้อย ร้านรวงมีเยอะเเต่ส่วนใหญ่ก็ขายของคล้ายๆ กัน อ้อ...ร้านเป็นของชาวเขานะ

อากาศหนาวๆ ต้องมีมันเผาไว้ในมือ คลายหนาวได้ดีเชียว. . .

เเดดร่ม ลมตก ชมวิวก่อนกลับไป เข้าเต๊นท์ เตรียมนอนดูดาว . . . . .

อาหารเย็นคืนนี้ จริงๆมี ข้าวผัดกระเพราด้วยเเต่ คุณเเฟนทำมักโรนีคาโบนาร่าให้ด้วยเลยเก็บกระเพราไว้กินทีหลัง ^^

ตั้งใจกันว่า คืนนี้ จะดูดาวกัน เเต่ เเต่ เเต่ ไม่มีสักดวง หมอกเต็มไปหมด อากาศก็หนาวมาก อยู่ที่ 14 องศาเลยยยยย ไม่ไหวๆ ขอกลับเข้าไปซุกผ้าห่มอุ่นๆ ในเต๊นท์ดีกว่า

วันที่
3

เช้าเเล้ววววววว 6 โมงเช้า รีบไปดู ทะเลหมอกกัน

TT ไม่มีหมอก เสียใจหนักมาก คนเยอะเหมือนเดิมเลยยย

ถึงเเม้จะผิดหวังจากทะเลหมอก เเต่ วิวทิวทัศน์สวยไม่เบาเลย

วันที่
4

ทานอาหารเช้าเสร็จก็ เริมเก็บของ คนอื่นเค้ากลับกันเเต่เช้า เห็น รถล้อฟรี ถนนลื่น เราเลยรอให้ ถนนเเห่งขึ้นมาสักนิดดีกว่า
อีกอย่างเราไม่รีบด้วย เพราะคืนนี้จะลงไปค้างคืนที่ เขาค้อ ...

ได้เวลาอันสมควร ก็ล้อหมุน ขาลงจากภูทับเบิกเราไป ลงทางอุทยานเเห่งชาติ ภูหินล่องกล้า ถนนดี วิวสวย อากาศดีครับ
เเต่เส้นทางไกลพอสมควร เลย เพื่อที่จะลงมาที่ Route 12 อีกหนึงที่ท่องเที่ยว ที่จะต้องมากัน

ถึงเเล้ว Route 12 เเต่งร้าน เเปลกตาดีครับ สวยไปอีกเเบบ ด้านหลังร้านเป็น ป่าสน มีขายกาแฟ ขนม ไอติม ข้าว เบอเกอร์ เยอะเเยะไปหมด

ด้านหลังของทางร้าน นั่งจิบกาแฟ ไป ดูสนไหวปลิว...เพลิน

เเต่เราเก็บท้องมา กินขนม กินชากาแฟ กันที่ร้านนี้ Story Cup ร้านน่ารัก เเละเป็นที่ที่เเนะนำกันว่าต้องมา ....

บรรยากาศดี เเต่ตัวร้านค่อนข้างร้อน อาจจะเพราะ ดีไซน์มาให้เหมาะกับหน้าหนาวมั้งนะ ^^

พี่ที่ เเคชเชียร์พูดจาดีมาก ขนมมีหลากหลายเลย

เราสั่ง ชาเย็น กับ ลาเต้เย็นมา . . . ใครไม่ชอบหวาน หรือ หวานปกติ เเนะนำให้บอกเค้าไปเลยว่า ไม่หวานนะ ! ของเราที่สั่งสองแก้วกินไม่ไหว
ชาเย็นหวานมากๆ กาแฟก็หวานเเละขมเข้ม มัน Burn... เเฟนเราเค้ากินกาแฟนะ เค้าบอกว่า กาแฟเเบบนี้ เเล้วเเต่คนชอบ เเต่เค้ากินไม่ได้
บรรยายประมาณว่า คงใช้ Robusta ผสมมาด้วย หรือไม่ก็คงเป็น Arabica ที่คั่วเข้มมากๆ

ตอนเเรกว่าจะไป ไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้ว เเต่ คิดไปคิดมาเเล้ว ผ่านดีกว่า ไปเขาค้อเลยดีกว่า จุดหมายต่อไปเป็น พิพิธภัณฑ์อาวุธเเละการสู่รบ สมัยปราบปรามกับคอมมิวนิสต์ในอดีตครับ

ขึ้นมาบนนี้ได้เห็นเลยว่า เมื่อก่อนนี้ทหารทั้งหลายไม่ได้สบายๆเลย เพื่อปฏิบัติหน้าที่ เพื่อดำรงด์ไว้เพื่อประชาธิปไตย
พ่อของเราก็เช่นกัน พระองค์ทรงเสด็จเยี่ยมเยียนเเละช่วยเหลือเหล่าผสกนิกรของพระองค์ทั่งสองฝ่าย

เวลาผ่านไปเร็วมากๆๆ เเป้บๆๆ ตกเย็นละ
เราเลยไปฝากท้องกันที่ ร้านอาหารมาลี ร้านอาหารป่ามีชื่อของเขาค้อ

เมนูจ้าาา ส่วนใหญ่เป็นอาหารป่าน้ะ เเต่ก็กินได้ ^^

สั่งอันนี้ก่อนเลยจ้าา ฟรีไม่คิดเงิน .... ยุงเยอะมากๆๆ

เราสั่ง 3 อย่าง ข้าว 2 ถ้วย น้ำ 1ขวด น้ำเเข็ง 1ถัง ทั้งหมด 325 บาท
ถือว่าไม่เเพงเนอะ

เสร็จเเบ้ว เดินทางต่อเข้าที่พักของเรา ขับไปต่อไม่ไกล อยู่ใกล้ พระตำหนักเขาค้อ ชื่อบ้านสุขอรุณ คืนละ 890บาท ห้องพัดลม ---หนาวขนาดนี้ ใครอยากได้แอร์ ตอนกลางคืน อุณหภูมิ อยู่ ประมาณ 18 องศา เเต่วิวนี้ หลัก เเสนเลย ... อันนี้ วิวตอนเย็นมองจากหน้าต่างเราเลย ....ป้าเจ้าของ บอกว่า เดี๋ยวพอมีหมอกจะสวยมากๆๆ

ตกค่ำ ออกมาเดินเล่น เเถวๆ ที่พัก เจอหมอกกำลังก่อตัวเลย เเถมมีฟ้าคะนองด้วย....

รอเเล้วรอ อีก ก็ไม่มีหมอกมา...ค่ำคืนนี้เลยจบด้วยการเข้านอน 555

วันที่
5

สะดุ้งตื่น ดูเวลาหกโมงเช้า รีบเปิดม่านมา โอ้ เจอ ภาพๆ นี้ ....พูดเลยว่า อิ่มเอมมากๆๆ

พอหมดหมอก เเล้ว เราก็ ล้อหมุนเลย ...
เราใช้เส้นทาง 2258 ครับ เส้นนี้ จะวิ่งมาตัดออก ถนนสาย 21 มุ่งลงสู่เพชรบูรณ์ครับ

ที่ไร่นี มีอาหารขายนะ สำหรับ ใครออกเช้าๆ เหมือนเรา เเล้วใช้เส้นทางนี้ จะกลับ กทม.
มาเเวะทานที่นี่ได้เลยน้ะ เพราะ หลังจากนี้ ไม่มีไรเลย เป็นหมู่บ้านกับป่าล้วนๆ เลย

ระหว่างทางมีจุดน่าสนใจ คือ ไร่กาแฟจ่านรินทร์ ที่นี้ เค้าปลูกกาแฟเอง คั่วเอง ขายเองครับ

ออกจากไร่กาแฟเเล้ว เรามุ่งหน้ากลับ กทม. เเต่ก็มีจุดหมายที่จะเเวะ ก็มี 2 ที่ ที่เเรก คือ ไร่กำนัลจุล....เเหล่งของดีของฝากของเพชรบูรณ์เลย ของ shopping เยอะมากๆๆ ขาช้อป น่าจะชอบกัน...

เสร็จจากไร่กำนันจุล เราเดินทางลงใต้ มุงหน้าสู่ กทม. ไปเเวะกิน ไก่ย่างวิเชียรบุรี กัน ^^

มาถึงเเล้ว มาลองไก่ย่างกัน จริงๆ เเล้ว มีหลายร้านเลย เเต่เห็นว่า ร้านนี้เป็นร้านที่ คนก็นิยมมาเหมือนกัน เเละ มีที่จอดรถ เราเลยเเวะมาร้านนี้

ค่าเสียหายมื้อนี้ ประมาน 340 +- 20 บาท จำไม่ได้ แหะๆ จากนี้ ก็ตีรถกลับ กทม. รวดเดียว มาถึง กทม. ตอน 6 โมงพอดิบพอดี รถไม่ติดมาก

ฝากภาพสุดท้าย กับ ดอกไม้ป่า บนภูทับเบิก ไว้ให้ชมกันนะ ^^

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง