รีวิว

ไต้หวัน (Taipei & Around ) กับเราไหม 7 วัน 6 คืน เที่ยวสบายๆกับเงิน 13,000 บาท รวมทุกอย่างแล้ว

Taiwan
วันออกเดินทาง 08/04/2017
วันเดินทางกลับ 14/04/2017
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 2 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน 10,001 - 15,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม การเดินทางของเราครั้งนี้ เราไม่ได้เตรียมตัวหรือแพลนอะไรล่วงหน้าเลย ยกเว้นที่พักที่จองล่วงหน้า
ที่มาที่ไปของทริปครั้งนี้ เกิดจากมีพี่คนนึง(ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตั๋วเครื่องบินในทริปนี้ให้กับเรา (แค่ 1 ใบ)

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 1 เมษายน
พี่ A : เห้ยยน้ำ แกรว่างป่าววะ พี่มีตั๋วไปไต้หวันใบนึง หาคนไปให้หน่อย เสียดาย
เรา : วันไหนพี่ ไปได้ๆๆๆ
พี่ A : วันที่ 8 นี้อ่ะ
เรา : เห้ยย พูดเป็นเล่น ไม่ได้ๆๆ นัดกับแม่ไว้แล้วต้องกลับบ้าน
พี่ A : เอาน่าไปเหอะ หาใครไม่ได้แล้วจริงๆ ช่วงสงกรานต์ด้วยนะเว่ย
เรา : เอ้าาา หนูคิดถึงแม่ จะกลับบ้าน พี่ไมไม่ไปอ่า เสียดายตั๋วนะ
พี่ A : ไม่ว่าง พี่จะกลับบ้าน(หัวเราะ) แกรไปให้หน่อยดิ
เรา : ง่ายๆงี้นะ แล้วหนูไม่ต้องกลับบ้านหรอพี่
พี่ A : งั้นตามนี้นะ เดี๋ยวพี่เปลี่ยนตั๋วให้เลย OK

นี่เลยเป็นที่มาของกระทู้ที่เป็น SR ของเราค่ะ จบบทสนทนาสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ ต้องขอบคุณพี่ A มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เราเดินทางโดยสายการบิน nokscoot วันที่ 8-14 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงสงกรานต์พอดี
เที่ยวก็อยากไป บ้านต่างจังหวัดก็สัญญากับแม่ว่าจะพานางไปทำบุญ โน่น นี่ นั่น เอาไงดีวะ
(และแน่นอน เราเลือกไปเที่ยว 555+ เคลียกับแม่ยาวๆเลยงานนี้ ชาเลยค่ะหู)

ทริปนี้เหมือนเคยค่ะ เราเดินทางกับแฟน ซึ่งช่วงนั้นต้องหาตั๋วอีกใบให้ได้ ซึ่งทำใจไว้แล้ว ว่ามันต้องแพงแน่ๆ ลองกดๆดู ไม่ต่ำกว่า 8 พันบาทค่ะ กุมขมับแป๊บ โอ้แม่เจ้า ราคาเท่าไปญี่ปุ่นเลยหรอเนี่ย ได้แต่กดเล่นๆไปก่อนค่ะ ก่อนไปไม่กี่วันเราเปิดคอมว่าจะจองตั๋วแล้วหล่ะ แพงก็ช่างมัน ยังไงก็ต้องไปนี่เนอะ ไปคนเดียวแฟนก็ไม่ให้ไปค่ะ นางต้องไปด้วย เอ้อออ ให้มันได้อย่างเน้ แต่โชคดีค่ะ เรากดไปกดมา ได้ตั๋วหลุดมาในราคา 4,500 บาท ของ nokscoot + ค่าโหลดกระเป๋า ไป-กลับ 1,800 บาท ถือเป็นโชคดีของเรามากๆ

แต่ ตั๋วถูกของเรามันมากับปัญหาเจ้าข้าาา จองเสร็จ ตัดเงินเรียบร้อย booking number ของ nokscoot ไม่ส่งมาจ้าาาา 555+ ในใจคิด เอาแล้วไง กูโดนมันเล่นเข้าแล้ว ตอนนั้นร้อนรนมากๆ เลยได้เข้าไปสอบถามเพจพี่ช้าง, เพื่อนบอกโปร ว่าจองไปแล้วเราจะได้ booking number ไหม ทั้งสองเพจตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ต้องได้นะครับ
(คิดในใจ ไม่ตลกแล้วซิงานนี้ วุ่นกับการโทรเข้า call center มากๆ โทรติดยาก ไม่มีคนรับอีก เอาไงดีวะคราวนี้)
สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ สายการบินใช้เวลาในการส่ง booking number มาให้เรา 2 วัน พนักงานตามเรื่องให้ดีมากค่ะ
มีการโทรมาบอกว่าทางเราได้ส่ง booking number ให้แล้ว ค่อยโล่งอกเลยค่ะ เป็นประสบการณ์ในการจองตั๋วที่ลุ้นระทึกดีค่ะ

พร่ามเยอะแล้ว ตามไปเที่ยวกันดีกว่าเนอะ อย่างที่บอกนะคะ แพลนในการเที่ยวของเรา เนื่องจากปุบปับทริปมากๆ เราแพลนที่เที่ยววันต่อวันเลยค่ะ ไม่มีการคิดล่วงหน้า พอจะนอนเราก็นั่งคิดก่อนว่าพรุ่งนี้จะไปไหนดี 5555+ เราเลยเก็บแค่ taipei กับรอบๆเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ไปไหนไกล เพราะยังไงเดี๋ยวเราต้องกลับไปอีกแน่นอน
441K views
วันที่
1

แผนการเที่ยวของเราเป็นแบบนี้นะคะ เน้นซึมซับ ไม่แน่นจนเกินไป หรือบางวันแทบไม่ไปไหนเลย เน้นกินอย่างเดียว 555+
DAY 1 : Chiang Kai‑shek Memorial Hall,วัดหลงซาน (Lhongsan Temple),ถนน Bopiliao
DAY 2 : อนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็น (S.Y.S. Memorial Hall),ตึกไทเป 101,เขาเซี่ยงซัน (Xiangshan)
DAY 3 : National Palace Museum,สวน taipei aowanda
DAY 4 : Yehliu Geopark, Beitou เป่ยโถว, วัดซิงเทียน (Xingtian Temple)
DAY 5 : วันเทียนหยวน, กระเช้าเมาคง
DAY 6 : พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ไทเป (Taipei Fine Arts Museum)
DAY 7 : กลับแล้วจ้าาา ไฟท์ 06.20 น. ออกจากที่พัก ตี 3

เราพักที่ InPage Hotel & Hostel ทั้ง 6 คืนจ้าา ซึ่งอยู่ใกล้ taipei main station สะดวกเราตอนกลับ สามารถลากกระเป๋าออกจากที่พักตอนตี 3 มาขึ้นรถที่ท่ารถกลับสนามบิน เพราะค่า taxi แพงมากค่ะ 1,000 - 1,200 NT$
ชื่อสินค้า: ไต้หวัน ไทเป

กระทู้นี้รูปจะเยอะมากๆนะคะ ถ้าเป็นการรบกวนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้าาา

DAY 1

เราเดินทางถึงสนามบินตอน 05.10 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เช้ามากๆ รถไฟเข้าไทเปก็ยังไม่เปิด เราก็เลยหาที่นอนในสนามบิน หลับซักงีบ
ด้วยความที่ง่วงมาก เราตื่นมาอีกที 7 โมงเช้า กว่าจะได้ฤกเดินไปขึ้นรถไฟก้ 8 โมงพอดี 555+ โนแพลนจริงๆ
เนื่องจากเราฝากท้องไว้กับ subway ที่สนามบินกันแล้ว ฝากกระเป๋าเสร็จเราออกเที่ยวกันเลยดีกว่าเนอะ

ที่แรกที่เราจะไป คือ Chiang Kai‑shek Memorial Hall (พิกัด 25.0357468,121.5207378)
วิธีเดินทาง ขึ้นรถไฟ MRT สายสีแดง/เขียว ลงสถานี Chiang Kai‑shek Memorial Hall ทางออกที่ 5 (ออกมาปุ๊บถึงปั๊บ)

รูปข้างล่างนี้เป็นมุมจากสวนสาธารณะนะคะ พอดีเดินหาห้องน้ำ เห็นมุมสวยดีเลยเก็บมาซักหน่อย

เราโชคดีวันที่เรามาฝนไม่ตกเลย ฟ้าเลยใส ถ่ายรูปก็สวยดีค่ะ แต่แดดร้อนไปหน่อย

มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ วันที่เราไปซากุระร่วงลงไปแทบหมดแล้ว เสียดายมากๆ มาไม่ทัน เราอยู่ถ่ายรูปที่นี่ไม่นานมากนะคะ ทนแดดไม่ไหวจริงๆ

ที่ต่อมาเราจะไปวัดหลงซานกันค่ะ (พิกัด 25.0371623,121.4999007 )
วิธีเดินทาง ขึ้นรถไฟ MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Longshan Temple ทางออกที่ 1

วันนี้คนเยอะมากๆ ข้างๆวัดก็มีตลาดให้เดินหาของกินนะคะ แต่เราไม่ค่อยถนัดเรื่องกินเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าอะไรอร่อย หรือเป็นร้านแนะนำ เราเน้นหิวตรงไหน ก็หาอะไรง่ายๆทาน เข้าไปขอพรกันดีกว่าค่ะ ไปเดินเก็บบรรยากาศข้างในด้วย ไหนๆฟ้าฝนก็เป็นใจละ

เรามาวัดนี้ เราตั้งใจจะมาเช่าพวกเครื่องราง แต่คิวต่อแถวยาวมากๆ คงจะต้องรออีกนาน เราเลยคิดว่าเดี๋ยวกลับมาวันหลังดีกว่า จากที่เราถามๆคนแถวนั้นว่ามีอะไรให้เที่ยวอีกไหม เราก็ได้คำตอบมาว่าใกล้ๆวัดจะมีถนนสายเก่า ตึกสร้างด้วยอิฐแดงๆ เรียกว่าถนน Bopiliao หรือที่คนไต้หวันนิยมเรียกว่า ซอย 173 นั่นเอง ออกจากด้านหน้าวัด เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆเลยค่ะ ไม่ไกลมาก เห็นตึกแดงๆแบบนี้เป็นอันว่าถึงแล้ว

ถนน Bopiliao (พิกัดตามนี้เลยจ้าา 25.0367231,121.5016329 )
ไปเดินถ่ายรูปชิคๆกันดีกว่าเนอะ 555+

ข้างในก็จะประมาณนี้นะคะ ระหว่างทางเดิน ก็จะมีร้านขายของเยอะแยะ เลือกซื้อได้ตามสะดวกเลยจ่ะ เนื่องจากอยู่ใกล้วัด ของขายส่วนใหญ่นอกจากของกิน ก็จะเป็นพวกเครื่องรางนำโชคซะส่วนใหญ่ ลองเลือกกลับไปเป็นของฝากก็ไม่เลวนะคะ

วันแรกของเราโปรแกรมหลวมมากๆค่ะ เนื่องจากอากาศร้อนมาก เรากลับไปพักผ่อน เพราะเดี๋ยวเย็นๆเราจะไปเดินเที่ยวตลาด ย่าน Ximen กันค่ะ

สรุปค่าใช้จ่าย DAY 1
-เติมบัตรที่สนามบินคนละ 1,000 x 2 = 2,000 NT$
-จ่ายค่าที่พักเป็นเงินสด(ไม่รับบัตรเครดิต) 11,300 NT$
-ค่าข้าวทั้งวันประมาณ 900 NT$
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 14,200 NT$

วันที่
2

DAY 2

วันนี้พวกเรามีนัดคร้าา พอดีแฟนเราเค้ามีเพื่อนเป็นคนไต้หวัน นางขอไปเจอเพื่อนนาง 1 วัน ซึ่งวันนี้เราจะมีคนพาเที่ยวแล้ว เอาจริงๆก่อนเรามาที่นี่ เราคิดว่าคนไต้หวันต้องเหมือนคนจีนที่เราๆเคยเจอบ่อยๆแน่เลย ซึ่งพอมาเจอเพื่อนแฟนความคิดเราก็เปลี่ยนทันที ซึ่งคนที่นี่เค้ามีน้ำใจมากๆนะคะ น่ารัก ช่วยเหลือเราเต็มที่เลย ตอนแรกเราก็คิดในใจว่า เห้ยย หรือเพราะเราเป็นเพื่อนกันเค้าก็เลยน่ารัก (แต่เปล่าเลยค่ะ ทั้งทริปเราได้รับการช่วยเหลือจากคนที่นี่ ทั้งที่บางทีก็สื่อสารอะไรกันไม่ได้เลย ใครที่ชื่นชอบคนญี่ปุ่นยังไง คนที่นี่ก็น่ารักแบบนั้นเลยคร้าา )
ก่อนเราจะไปตามนัด ระหว่างทางเราต้องผ่าน อนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็น (S.Y.S. Memorial Hall) อยู่แล้ว เดี๋ยวแวะเที่ยวกันก่อนนะคะ ตอนไปรู้สึกว่าเค้าจะมีจัดงานอะไรซักอย่าง คนเยอะมากๆ เราถ่ายรูปมาได้แต่ด้านนอกนะคะ สวยดีค่ะ

อนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็น (S.Y.S. Memorial Hall) (พิกัด 25.0429413,121.5609216 )
วิธีเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานี Sun Yat-sen Memorial Hall ทางออกที่ 4 แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ทางเข้าจะอยู่ด้านขวามือค่ะ

ถ่ายรูปแป๊บๆได้เวลาไปตามนัดแล้วค่ะ เดี๋ยววันนี้เพื่อนแฟนเราเค้าจะพาไปตึกไทเป 101 กับเดินขึ้นเขาช้างไปดูวิวตอนกลางคืนกันนะคะ เนื่องจากวันนี้เจ้าบ้านเค้าอาสาเลี้ยงข้าว เราเลยจ่ายแค่ค่าขนมปังตอนเช้านะคะ ประหยัดไปได้อีก เรานัดกันที่ตึก Taipei New Horizon เรานัดกันร้านหนังสือชั้น 3 ค่ะ ถ้าใครมีเวลาว่าง เราแนะนำนะคะ น่านั่งมาก แต่อ่านไม่ออกซักเล่ม 5555+

ตึก Taipei New Horizon (พิกัด 25.0442161,121.5616937 )
วิธีการเดินทาง เราเดินตาม GPS มาจาก อนุสรณ์สถานซุนยัดเซ็น ได้เลยคร้า ไม่ไกลมาก เดินประมาณ 10 นาทีได้

นี่คือร้านหนังสือที่เราบอก เราแอบไปนั่งตากแอร์รอเพื่อนซักพัก หนังสือเยอะน่าอ่าน แต่อย่างที่บอก ภาษาจีนทั้งน้าน ไม่สันทัดเลยค่ะ

เนื่องจากมีทติ้งกันนานไปหน่อย คุยกันเสมือนญาติที่พลัดพลากจากกันมานาน เวลาก็ล่วงเลยไปจนเย็นมากแล้วค่ะ เราเลยตกลงกันว่าเดี๋ยวเราไปเขาช้างเลยแล้วกัน ไม่ต้องขึ้นไปตึกไทเป 101 แล้ว อีกอย่างฟ้าเริ่มๆครึ้ม ขึ้นไปคงมองไม่ค่อยเห็นวิวแน่ๆ แต่ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ก็กลัวเราจะผิดหวัง เลยพาเดินเลาะไปถ่ายวิวตึกไทเป 101 ซักหน่อย

ป่ะ ไปขึ้นเขาเซี่ยงซาน(เขาช้าง)กันค่ะ จากตึกไทเป 101 นั่ง MRT ไปแค่ 1 สถานีเท่านั้น

เขาเซี่ยงซาน (Xiangshan) (พิกัดทางขึ้นเขา 25.0275052,121.5706705 )
วิธีเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีแดง ลงสุดสายที่สถานี Xiangshan ทางออกที่ 2 เดินตรงไปจนสุดทาง แล้วเลี้ยวซ้ายเดินเลาะตามทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ จะมีวัดทางซ้ายมือ ทางขึ้นเขาจะติดกับวัดเลยค่ะ ลองเปิด GPS ตามพิกัดที่เราให้นะคะ ถ้าเจอทางแบบนี้ แสดงว่ามาถูกแล้วค่ะ เดินขึ้นไปโลด เขานี้เปิด 24 ชั่วโมงนะคะ กลางคืนคนขึ้นมาเยอะมากๆ ไม่ต้องกลัวเหงาค่ะ

ขึ้นมาคนเยอะมากๆ หามุมถ่ายไม่ค่อยได้ ต้องนั่งรอ หรือขอเค้าแทรกๆเข้าไปถ่ายหน่อย ก็แบ่งๆกันไปค่ะ อยู่ให้คุ้มกับค่าเหนื่อยที่เดินขึ้นมานะคะ ข้างบนอากาศดี เดินเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน พกน้ำดื่มติดมือมาด้วยนะคะ ยาดม ยาลม ยาหม่อง พกมาให้หมดค่ะ เราได้ใช้ 555+
ไปดูวิวกันดีกว่าค่ะ เนื่องจากเราถูกแทรกแซงโดยแก๊งป้าๆคนจีน เราเลยได้รูปมาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่

ไหนๆก็มาละ ขอเซลฟี่กับวิวตึกซักหน่อย วันนี้ลากันไปด้วยวิวตึกไทเป 101 แล้วกันนะค๊าา

หน้าตาไกด์ของเราวันนี้คร้าาา น่ารักมากๆ ขอบคุณเจ้าบ้านที่พาทัวร์มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ นางบอกให้ลูกนางโตกว่านี้หน่อย จะพาทัวร์ให้หนำใจจ้าา

สรุปค่าใช้จ่าย DAY 2 (วันนี้เจ้าบ้านเลี้ยง เราเลยจ่ายแค่นี้นะคะ)
-ขนมปัง+ไส้กรอกตอนเช้า 2 คน 60 NT$
-ค่าชาไข่มุกก่อนกลับที่พัก 50 NT$

วันที่
3

DAY 3

เราตกลงกันไว้ว่าวันนี้จะไปดูใบไม้แดงที่สวน taipei aowanda กันค่ะ ส่วนช่วงเช้าเราจะแวะเที่ยวที่ National Palace Museum กันก่อน ตื่นก็สาย อาจจะเป็นผลมาจากเมื่อวานที่เดินขึ้นเขาจนขาล้าไปหมด เลยต้องฝากท้องไว้กับร้านกาแฟแถวที่พัก แล้วรีบเดินทางต่อกันคร้าาา

National Palace Museum (พิกัด 25.1019412,121.5480115 )
การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีแดง ลงสถานี Shilin ทางออกที่ 1 แล้วเดินตรงไปเรื่อยจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวานิดนึงนะคะ จะเจอกับป้ายรถเมล์ สายไหนที่เขียนว่า National Palace Museum ไปได้หมดเลยนะคะ มีหลายสายมากๆ เราไม่ได้ถ่ายรูปมาขอโทษด้วยนะคะ (เวลาเราขึ้นรถเมล์ จากที่เราสังเกตุว่าควรแตะบัตรตอนขึ้นหรือตอนลง ง่ายที่สุดให้ดูคนขึ้นก่อนหน้าเรานะคะ ถ้าเค้าแตะเราแตะ 555+ เราเป็นคนที่จำตัวอักษรอะไรไม่ค่อยได้ เราใช้วิธีดูลูกศรเอาค่ะ สังเกตุป้ายไฟตรงแถวๆคนขับรถ ถ้าลูกศรชี้ลง ให้แตะบัตรตอนลง ถ้าลูกศรชี้ขึ้นให้แตะตอนขึ้น ถ้าเกิดชี้ทั้งลงทั้งขึ้น ก็แตะทั้ง 2 ขาเลยนะคะ)

ขากลับเรานั่งรถกลับไปตั้งหลักที่เดิมค่ะ ขึ้นฝั่งเดิม รอรถเมล์สาย 303 ไปลงสถานี Xiaguoxi เพื่อจะไปสวน taipei aowanda กันค่ะ

เจอรูปนาฬิกาแบบนี้แปลว่าถึงแล้วนะคะ ค่าเข้าสวนที่นี่ คนละ 200 NT$ ค่ะ แต่เราสามารถเอา 200 อันนี้ไปซื้ออาหารข้างในกินได้ค่ะ
ความหวังของเราที่จะมาดูใบไม้แดง มันเลือนหายไปกับตา 555+ ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันล่วงไปหมดแล้ว มาถึงก็เหลือหลอมแหลมแล้วค่ะ เดินไปทางไหนก็มีแต่กิ่งให้ชม เราเลยนั่งกินเค้กบราวนี่ กับหม้อไฟ แล้วก็กลับเลยค่ะ ที่นี่ตัวไรเยอะมาก กัดขาแล้วคันคะเยอเลยค่ะ แนะนำใครมาเอาซอฟเฟลติดมาด้วยก็ดีนะคะ เราโชคดีมีป้าคนจีนยื่นขวดตะไคร้มาให้ทา น่ารักมากๆค่ะ
ก่อนทางขึ้นชมสวนจะมีต้นโชคดีอยู่นะคะ อยากขออะไรก็เขียนใส่กระดาษแล้วผูกไว้ที่นี่ได้เลยจ้าาา

บรรยากาศในสวน เราว่าน่านั่ง ร่มรื่นดีค่ะ จริงๆถ้าตัวไรไม่กัด เราจะนั่งอยู่ที่นี่นานกว่านี้แน่นอน นั่งริมน้ำตก จิบกาแฟ โอ๊ยยฟินค่าาา

ใบไม้กำลังจะเปลี่ยนสีจ้าาา ซึ่งปีนี้เปลี่ยนช้ากว่าทุกที ใครไปปลายเมษาปีนี้ น่าจะได้ชมนะคะ ส่วนช่วงที่แดงมากๆ น่าจะช่วงเกือบกลาง พฤษภาคม จ้าาาา

สรุปค่าใช้จ่าย DAY 3
-ข้าวเช้า 250 NT$
-ค่าเข้าสวน (เป็นค่าอาหารด้วย) 200 NT$ x 2 = 400 NT$
-ข้าวเย็น 300 NT$
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 950 NT$

วันที่
4

DAY 4

ตั้งแต่วันนี้จนวันกลับ พยากรณ์อากาศบอกกับเราว่า ฝนจะตกทุกวัน ทำไงได้ ไหนๆก็มาแล้วนี่ จะไม่ไปเที่ยวก็ยังไงอยู่ เราเลยตกลงกันว่าเดี๋ยวเราไป Yehliu กันดีกว่า ฝนตกปอยๆแบบนี้ คงไม่เลวร้ายอะไรมากหรอก แต่พอไปถึงจริงฝนตกหนัก ลมแรงมากๆ ซึ่งลมแรงจนร่มเราพังอ่าค่ะ ต้านไม่ไหวจริงๆ เราเลยต้องหาที่นั่งหลบซักพัก รอฝนซาแล้วเดี๋ยวค่อยเดินเที่ยวกันค่ะ

Yehliu Geopark (พิกัด 25.2058327,121.6894129)
วิธีเดินทาง ขึ้นรถสาย 1815 ข้างตึก taipei main station ค่ารถแตะตอนขึ้นกับตอนลงคนละ 96 NT$ จุดขึ้นรถมีรีวิวไว้เยอะแล้ว เราเลยไม่ขอรีวิวนะคะ
พอไปถึง ซื้อตั๋วเข้าคนละ 80NT$

ฝนฟ้าไม่ค่อยเป็นใจเลยค่ะ ร่มเราหอบไปจากบ้านพังไป 1 อันเลย เซงมากค่ะ ลมมันแรงแบบกางยังไงก็พัง เราเลยกลับกันดีกว่า
พอถึง taipei main station ก็ถือว่าวันนี้ทำเวลาได้ดี เราเลยคิดว่าหนาวๆแบบนี้ ไปบ่อน้ำพุร้อนกันดีกว่า จะได้อุ่นๆ

Beitou เป่ยโถว (พิกัด 25.1373882,121.5106812)
วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ลงสถานี Beitou แล้วต่อรถไฟสายสีชมพูไป Xinbeitou
จุดถ่ายรูปเยอะนะคะ ส่วนมากสถานที่สำคัญจะอยู่ใกล้ๆกัน เดินถึงกันได้ ก็แวะถ่ายรูปกันตลอดทาง เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ก็ประมาณ 16.30 น. แล้วต้องรีบเดินค่ะ เพราะเดี๋ยวเค้าจะปิดกันหมดแล้ว เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆค่ะเพลินดี

ที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ วัดซิงเทียน (Xingtian Temple) (พิกัด 25.0626731,121.5334205 )
การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ลงสถานี Xingtian Temple

สรุปค่าใช้จ่าย DAY 4
-ข้าวเช้า 100 NT$
-ข้าวกลางวัน 500 NT$
-ค่าเข้าเย่หลิว 160 NT$
-ข้าวเย็น 200 NT$
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 960 NT$

วันที่
5

DAY 5

วันนี้เราจะพาไปดูซากุระที่วัดเทียนหยวนกันนะคะ รู้สึกว่าปีนี้จะบานช้ากว่าทุกปี ซึ่งช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่บานเต็มที่ กำลังสวยมากๆเลยค่ะ

วันเทียนหยวน (พิกัด 25.185731,121.4855431)
วิธีการเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีแดง ลงสุดสายที่สถานี Tamsui นะคะ เดินออกมาด้านหน้าสถานี ทางขวามือจะมีท่ารถเยอะแยะไปหมด แต่รถที่จะไปวัดเทียนหยวน จะมีป้ายเป็นดอกซากุระ ติดอยู่ค่ะ เจ้าหน้าที่จะคอยยืนเรียก ไม่หลงแน่นอน
เราชอบที่นี่มาก อาจจะเพราะมาช่วงที่ซากุระกำลังสวย ซึ่งจะถ่ายมุมไหนคนก็มหาศาลมากค่ะ แล้วที่นี่ก็จะมีทัวร์มาลงช่วงซากุระพอดี ถ้าใครอยากมาที่นี่ แนะนำให้มาแต่เช้าหน่อยนะคะ คนจะยังไม่ค่อยเยอะมาก ถ้าช่วง 11 โมงไปแล้ว ไม่รู้คนมาจากไหน เยอะมากๆ ถ้าเจอคนที่มีมารยาทเค้าจะหลบให้เราแบ่งๆกันถ่ายค่ะ แต่ถ้าเจอป้ามหาภัยล่ะก็ ชีจะมาเขี่ยเราค่ะ ถูกแล้วค่ะใช้คำว่าเขี่ย 5555 ซึ่งเราเจอมาแล้ว ยืนเก๊กท่ายังไม่ทันถ่ายเลยนะคะ ป้าจีนแกมาจากไหนไม่รู้ เอามือมาเขี่ยไหล่เรา ให้หลบๆอ่าค่ะ คือเราก็โมโหนะ คิดว่ามันเกินไปหน่อย เสียมารยาทมากๆ ดีที่เราไปเช้าหน่อย วิวเลยไม่ค่อยติดคนเท่าไหร่ เอาเถอะไปดูรูปกันดีกว่าเนอะ

กระเช้าเมาคง ที่สุดท้ายของเราวันนี้ เราอยากขึ้นไปนั่งจิบกาแฟ อยากไปดูวิว ไหนๆฝนก็หยุดแล้ว ได้ฤกขึ้นไปข้างบนละค่ะ
การเดินทางมาที่นี่ ขึ้นรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำตาล ลงสุดสายที่สถานี taipei zoo แล้วเดินไปขึ้นกระเช้าต่อได้เลยค่ะ เราขึ้นไปสุดสาย กระเช้าจะจอดทั้งหมด 3 สถานี ถ้าใครอยากแวะวัด เราแนะนำให้ขึ้นไปสุดก่อนนะคะ ถ้าแวะกลางทาง กระเช้าว่างจะหายากมากๆ ราคาสุดสายขาละ 120 NT$ พอเราขึ้นมาถึงข้างบน ฝนฟ้ากระหน่ำลงมาอีกแล้ว กระเช้าก็แกว่ง น่ากลัวค่ะ 5555+ สำหรับโรคกลัวความสูงแบบเรา หน้านี่ซีดเลยค่ะ กลัวจริงๆ ข้างบนวิวสวยค่ะ อากาศเย็นมาก

ฝนตกหนักมาก แล้วร่มเราก็พังไปแล้ว เราเลยไม่พร้อมเที่ยวแล้วนะคะ ตอนแรกว่าจะแวะวัดก่อน แต่ตัดสินใจว่ากลับกันเลยดีกว่า เลยได้รูปมาเท่านี้ ขากลับเราไม่ได้นั่งกระเช้ากลับนะคะ เรานั่ง taxi ตรงป้ายรถเมล์เลย เค้าเสนอราคามาที่คนละ 75 NT$ แล้วส่งเราถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT เลย ซึ่งราคา 2 คนก็อยู่ที่ 150 NT$ เอง ราคาถูกกว่านั่งกระเช้าอีกค่ะ เราเลยตัดสินใจไป นั่งสบาย เบาะนุ่มๆ อุ่นๆ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วค่ะ ณ เวลานั้น

สรุปค่าใช้จ่าย DAY 5
-ข้าวเช้า 60 NT$
-ข้าวกลางวัน 300 NT$
-ข้าวเย็น 200 NT$
-ค่า taxi ขากลับ 150 NT$
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 710 NT$

วันที่
6

DAY 6

วันนี้เราไปหอศิลป์ที่เดียวนะคะ แล้วเวลาที่เหลือ ก็ไปเดินซื้อของฝาก ซึ่งคืนนี้เราจะต้องออกจากที่พักตอนตี 3 เลยต้องรีบกลับแพ็คกระเป๋า

พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ไทเป (Taipei Fine Arts Museum)
เอาจริงๆที่นี่เป็นจุดแสดงงานศิล เอาไว้เยอะแยะมากมาย แต่บางอันมันก็ art มากไป เราดูแล้วเราไม่ค่อยอิน บางอย่างดูไม่ออกว่าเค้าจะสื่อถึงอะไร ถ้าใครออกแนวอาร์ทๆหน่อย เราแนะนำให้มาเลยนะคะ ข้างในมีงานเจ๋งๆเพียบ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปข้างในมาเลย เพราะแต่ละห้องมันมึดมากๆ เลยถ่ายแค่ตรงทางเข้ามานะคะ

เรามีจุดถ่ายรูปมาแนะนำ เดินออกจากสถานีมา มันจะต้องข้ามสะพานอันนี้แดงๆ ถ้าใครมีเวลา ลองยืนรอถ่ายรูปตอนเครื่องบิน บินผ่ายนะคะ ตอนนั้นเรากำลังจะกลับแล้ว แต่ว่าบังเอิญถ่ายได้วิวนี้พอดี เราชอบมากๆเลยค่ะ ลองดูนะคะ

เราขอจบกระทู้เท่านี้แล้วกันนะคะ มีสิ่งที่อยากจะบอกเยอะแยะ เอาเป็นว่า ใครที่ไม่คิดจะมาที่นี่เลย ลองคิดใหม่นะคะ ลองเปิดใจให้กับที่นี่ดูซักครั้ง แล้วคุณจะติดใจ เรายังเสียดายที่เที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่คิดไปก็ดีเหมือนกัน เราจะได้หาเรื่องกลับมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง ผู้คนที่นี่ น่ารักค่ะ จิตใจดี ช่วยเหลือเต็มที่มากๆ เอาเป็นว่ามาเถอะค่ะ ถือว่าขอร้องก็ได้ 555+ แล้วคุณจะติดใจแบบเรา

สรุปค่าใช้จ่าย DAY 6
-ข้าวเช้า 60 NT$
-ข้าวกลางวัน 200 NT$
-ข้าวเย็น 200 NT$
-ค่าเข้าหอศิลป์ 60 NT$
-ค่าเช่า pocket wifi วันละ 100 x 6 = 600 NT$
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,120 NT$
ค่าใช้จ่ายทั้งทริปคิดเป็นเงินไทย ตกคนละ 13,648 บาท นะคะ (รวมตั๋วเครื่องบินแค่ 1 ใบ+ค่าโหลดกระเป๋า)

วันที่
7

ขอจบไปด้วยภาพนี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้จ้าา

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง