รีวิว

4 Day road trip in -TASMANIA-

Australia
วันออกเดินทาง 07/08/2017
วันเดินทางกลับ 10/08/2017
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 2 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน > 50,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม ทริปนี้วางแผนและจองตั๋วล่วงหน้า เพียง 1 เดือน มีเวลาน้อยในการเตรียมตัว แต่ก็พยายามเท่าที่ได้ครับ

จุดประสงค์ : หนีความเครียดจากงานไปในที่ไกลๆ

ทริปนี้ขอพูดถึงเฉพาะช่วงที่เที่ยวในรัฐ Tasmania เป็นเวลา 4 วัน 3 คืนครับ
99K views
วันที่
1

-จาก Melbourne นั่งเครื่องบินประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา เราก็มาถึง Hobart ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ Tasmania นั่นเอง
-แผนการเดินทางคร่าวๆครับ ตามรูป หมายเลข 1 คือสนามบิน Hobart

Port Arthur Historic Site (หมายเลข 2)

ประมาณชั่วโมงกว่าๆ จากสนามบิน หลังจากแวะรับประทานอาหาร
ก็มาถึงที่นี่

สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1830 ตอนแรกใช้เป็นที่กักขังและดัดสันดารนักโทษของอาณานิคมออสเตรเลีย จากนั้นผ่านไปก็มีผู้อพยพที่ไม่ใช่นักโทษ มาตั้งรกรากในบริเวณนี้เพิ่มขึ้น มีอุตสาหกรรมตัดไม้ การสร้างเรือ งานเหล็ก งานฝีมือต่างๆ เพื่อป้อนให้กับอาณานิคม
ดังนั้น Port Arthur จึงไม่ใช่เพียงแค่คุก แต่เป็นมีลักษณะเป็นชุมชน ประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ เกือบ 30 แห่ง
เช่น สถานกักขัง สถานีตำรวจ ศาล โรงพยาบาล โบสถ์ บ้านพัก ฯลฯ
ต่อมามีการทยอยย้ายนักโทษไปไว้ที่อื่น และผู้คนก็ย้ายออกไป จนในที่สุดชุมชนนี้ซบเซาลงในปี 1877

ค่าเข้าชม Port Arthur คนละ 39 AUD สามารถชมได้ทั้งหมดทุกส่วน และมีบริการล่องเรือพาไปยัง Island of Dead ซึ่งก็คือเกาะที่ใช้เป็นสุสานนั่นเอง

ฤดูนี้ดินแดนทางซีกโลกใต้มืดเร็วมาก เลยต้องตัดใจออกมาก่อน กว่าจากออกจาก Port Arthur ก็บ่ายสี่โมงแล้ว
เรามุ่งตรงไปยังเมือง Launceston ขับรถยาวๆก็ไปเลย
กว่าจะถึงก็เกือบ 4 ทุ่ม

วันที่
2

Batman Fawkner Inn สร้างในปี ค.ศ.1824 เดิมชื่อ Cornwall Hotel เป็นหนึ่งในกลุ่มโรงแรมแรกๆ ตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมือง
และยังเปิดดำเนินการมาจนกระทั้งตอนนี้
ต่อมาปี 1856 โรงแรมขยายกิจการขึ้น แล้วชื่อตามผู้ก่อตั้ง "John Batman Fawkner"
โรงแรมนี้มี 2 ชั้นแต่มีลิฟต์โบราณขนกระเป๋าด้วยนะครับ นึกถึงลิฟต์ที่อยู่ในเรือไททานิคประมาณนั้นเลย แต่จะเล็กกว่า

ช่วงเช้าพอมีเวลา จึงเดินจากโรงแรม ถัดไปเล็กน้อยมีสวนสาธารณะประจำเมือง คือ Launceston City Park

สวนนี้เริ่มจากเป็นสวนของสำนักงานภาครัฐ เมื่อมีการย้ายสำนักงานและ
มีการบริจาคที่ดินเพื่อขยายสวนออกไป มีสิ่งปลูกสร้างค่อยๆมากขึ้น จนที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสวนสาธารณะเต็มตัว

นอกจากนี้ในสวนนี้ยังเป็นที่จัดแสดง Japanese macaque หรือลิงกังที่หน้าแดงๆอ่ะครับ ที่ได้รับมอบเป็นของขวัญจากเมือง Ikeda
ในฐานะที่มีการผูกความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่น้อง เมื่อปี 1965
ซึ่งผมเข้าใจว่าที่โชว์อยู่จะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของลิงชุดแรกที่ถูกส่งมา
แต่เผอิญวันที่ไปนั้น ส่วนจัดแสดงลิงปิดปรับปรุงครับ

วันนี้เราจะมุ่งหน้าไป Cradle Mountain ขับรถจาก Launceston ออกไปประมาณ 150 กม.ครับ
ชื่อเต็มคือ Cradle Mountain-Lake St Clair National Park เราต้องแวะซื้อบัตรเข้าอุทยานที่ Visitor center ก่อนนะครับ
ราคาคนละ 16.5 AUD จากนั้นค่อยขับเข้าไปอีกประมาณ 6 กม. ก็จะถึงจุดจอดรถเจ้าหน้าที่แนะนำว่ามีบัสของทางอุทยานบริการ
จอดรถทิ้งไว้ที่ Visitor center ก็ได้แต่เราขอขับเข้าไปเอง เพราะรถบัสเข้าออกมีเป็นเที่ยวๆตามตาราง กลัวจะตกรถบัสเที่ยวสุดท้ายครับ

ถ้าชอบธรรมชาติดิบๆ และมีกำลังขาแข็งแรง สามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย มี walking trail ให้เลือกเดินเยอะมาก

กลับมาเข้าที่พักคืนนี้ Kilmarnock house
เดิมเป็นบ้านพ่อค้าในเมือง Launceston สร้างในปี ค.ศ. 1905
ต่อมาปี 1960 ก็ถูกขายแล้วเปลี่ยนเป็นโรงแรม ในบ้านนี้มีห้องพักทั้งหมด 7 ห้องครับ ตกแต่งสไตล์ Edwardian

เราได้ห้องชั้นล่าง ให้ห้องมีครบทุกอย่าง เปิดให้พักระยะยาวด้วยครับ
ราคาไม่ต้องพูดถึง

วันที่
3

ออกจาก Kilmarnock house ก็ 10 โมงตามเวลาที่เค้าให้ Check out (สายอีกแล้วว) วันนี้จะกลับ Hobart แล้วครับ
ขับมาเรื่อยๆ เราแวะทานอาหารที่ Campbell town ครับ เมืองก็เงียบๆ ผู้คนประปราย
ร้านอาหารมีให้เลือกแค่ 3-4 ร้าน เข้าไปร้านที่ชื่อ Zeps อยู่ตรงหน้าที่เราจอดรถพอดี พบว่ามีคนเข้าออกตลอด แต่ไม่ถึงกับเรียกว่าคึกคัก
มองทะลุไปเห็นครัวเปิดด้านหลัง เห็นพ่อครัวทำงานตลอดเลย 4-5 คน สงสัยเค้าน่าจะมีคนมาทานตลอด เช้าจรดเย็น

-ก่อนถึง Hobart เราจะแวะเมืองเล็กๆนี้ก่อนครับ... Richmond เป็นหมู่บ้านขึ้นที่ก่อตั้งขึ้นในยุคแรกๆของอาณานิคม ในช่วง 1820s

-สะพาน Richmond สร้างในปี 1823 เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย ถูกสร้างโดยแรงงานนักโทษจาก Richmond Gaol นั่นแหละครับ
โดยการขนหินทรายจากหุบเขาบริเวณไกล้เคียงมาสร้าง

-Richmond Gaol สร้างในปี 1825 เป็นคุกเก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลียที่ยังคงสภาพอยู่ ขนาดไม่ใหญ่มากครับ
ไม่ได้เข้าไปด้านในครับ ค่าเข้า 10 AUD เห็นว่าแพงไป โบรชัวร์ก็ไม่ให้หยิบฟรี ไม่ง้อก็ได้ครับ

ออกจาก Richmond เราขับรถผ่านตัวเมือง Hobart ขึ้นสู่ Mount Wellington ภาษาเดิมของพวกอะบอริจิน จะเรียกภูเขานี้ว่า kunanyi
มีความสูง 1,271 เมตร บนยอดเขาจะมีหิมะปกคลุมในฤดูหนาว
แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายหนาวแล้ว ไม่มีหิมะให้เห็นเลย
พืชพันธ์ุบนยอดเขาจะเป็นกลุ่มพืชที่พบได้ตามเขตภูมิอากาศแบบทุนดรา
ซึ่งก็คุ้นๆว่าเคยเรียนคำนี้ในวิชาโลกของเรานั่นเอง

ในปี 1836 เจ้าของทฤษฏีวิวัฒนาการ Charles Darwin ก็เคยได้เดินทางมาที่ยอดเขาแห่งนี้
เขาใช้ความพยายามหลายครั้ง กว่าจะปีนขึ้นมาถึงด้านบนได้ ในที่สุดเขาบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับ Mount Wellington ลงในหนังสือของเขา
ที่ชื่อ The Voyage of the Beagle ซึ่งเป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียง

ช่วงค่ำแวะไปทานอาหารร้าน ฺBlue Eye restaurant ย่านตลาด Salamanca ร้านนี้คนใบ Web Tripadvisor แนะนำกันเยอะมาก
รสชาติอร่อยสมคำล่ำลือ

วันที่
4

เช้าวันสุดท้าย ไม่มีอะไรมาก
ตื่นเช้ามุ่งหน้าสู่สนามบินเพื่อกลับ Melbourne ครับ

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง