รีวิว

... ภาพเล่าเรื่อง ... << ญี่ปุ่น >> .:: ผู้คน วิว อาหาร การเดินทาง ::.

Ueno
วันออกเดินทาง 25/01/2018
วันเดินทางกลับ 28/01/2018
จำนวนผู้ร่วมทริป ผู้ใหญ่ 4 คน
งบประมาณเฉลี่ยต่อคน 10,001 - 15,000 บาท
บันทึกเพิ่มเติม ติดตามรีวิวท่องเที่ยวและถ่ายภาพพูดคุยกันได้ที่
https://pantip.com/topic/37355937

หรือเฟสบุค https://www.facebook.com/all.hell.7
50K views
วันที่
1

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว govivigo ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาแบ่งปันและแชร์ประสบการณ์ที่ได้เดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตนเองครั้งแรก
เรื่องการรีวิวหรือการเรียบเรียงคำอาจจะยังไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ

กระทู้นี้ผมเขียนขึ้นมาเพื่ออาจจะเป็นประโยชน์หรือเป็นแนวทางให้กับมือใหม่ที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกแบบผมครับ
ส่วนตัวผมเองก็หาข้อมูลรีวิวต่างๆจากแหล่งข้อมูลทั่วไป
โดยหลักๆจะเป็นการเล่าเรื่องแบบเน้นภาพซะส่วนใหญ่นะครับ เพราะชอบถ่ายภาพ ฮ่าๆ

................................................................

เอาล่ะมาเริ่มกันเลย ทริปนี้เราไปกัน 4 คนครับ เดินทางวันที่ 25 ม.ค. 2561 ถึง 28 ม.ค. 2561
เราเลือกช่วงนี้เพราะว่าอากาศหนาวกำลังดี มีหิมะที่ส่วนตัวอยากสัมผัสมานานแล้ว
ที่พักเราเลือกที่ Ueno Tokyo ทั้ง 3 คืนเลยครับ เวลาไปไหนก็รถไฟ รถบัส เอาแล้วกัน

มาถึงเรื่องการเตรียมตัวครับ
1. Passport หรือ หนังสือเดินทางของตัวเอง (ก็ต้องของตัวเองสิ - -) อายุหนังสือเดินทางต้องมากกว่า 6 เดือน ก่อนหมดอายุนะครับ
2. เรื่องการจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ ผมจองตั๋วของสายการบิน Air Asia X จองล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาณวันที่ 23 กันยายน 2560 ก็ถือว่า จองล่วงหน้าไม่นานมาก ประมาณ4-5 เดือนก่อนเดินทาง ราคาตั๋วตกคนละประมาณ 11,600 บาทรวมประกันครับ ไม่ได้ซื้อราคาโหลดกระเป๋านะครับ ซึ่งสามารถแบบน้ำหนักขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโลกรัม ได้ขาไป XJ606 เวลา 11.00 น. และขากลับ XJ607 เวลา 19.00 น. บินตรงจากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินนาริตะ
3. ที่พัก เราจองผ่าน agoda ครับ จองโรงแรมที่เลือกและตกลงกันคือ โรงแรมนิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku) ตรงนี้ทำเลดีครับ ใกล้กับสถานีรถไฟ Ueno และ Keisei Skyliner เดินทางสะดวก ได้ราคาคืนละ 1,6781.76 บาท 3คืนก็ 5,741.45 บาท รวมเซอร์วิสชาร์จ 10% ภาษี 8%
4. แผนการเดินทาง (คร่าวๆ) ก็มีไป Kawaguchiko – Shinjuku – Takaragawa Onsen Minakami Gunma – Shibuya – Harajuku ส่วนเพิ่มเติมไปไหนค่อยไปคิดกันอีกที
5. แลกเงิน ผมแลกเงินที่ ธนิยะสปิริต เรทประมาณ 0.28-0.29 โดยประมาณครับ โดยทริปนี้ผมแลกไปแค่ 14,000 บาทไปเองครับ ตีเป็นเงินเยนประมาณ 48,050¥ เยนครับ ก็หวังเล็กๆในใจว่าจะพอ 5555
6. สภาพอากาศ แน่นอนเลือกไปช่วงหน้าหนาวก็ต้องมีเสื้อโค้ทหรือเสื้อกันหนาวหนาๆแน่นอนครับ
7. และสุดท้ายสำคัญที่สุดคือ Wifi ครับ ผมเลือกใช้ Sim 2 Fly ของ Ais 12call ความเร็วเน็ต Non-Stop เต็มสปีด 4GB นาน 8 วัน ราคา 399 บาท (นี่พิมพ์มาจากปกซิมเลยนะ) และอย่าลืมเปิด Data Roaming ด้วยนะ

ปล. อย่าลืมเอกสารนะครับ ถ่ายเอกสารเตรียมไว้เลยพวกโรงแรมที่จอง สถานที่ไปคร่าวๆ เผื่อ ตม. ขอตรวจครับ

มาเริ่มเดินทางกันดีกว่า
Day. 1


วันแรก ผมเดินทางมาถึง Terminal1 สนามบินดอนเมืองประมาณ 08.30 น. บินไฟลท์ 11.00 โดยประมาณ
เพื่อมารอเช็คอิน (จริงๆเช็คผ่านเว็ปมาแล้ว) ล่วงหน้าก่อนประมาณ 2 ชั่วโมง

ขึ้นเครื่องปุ๊บ แอร์สาวสวยก็จะให้เรากรอกใบ ตม. ตั้งแต่บนเครื่องเลย
รายละเอียดละเอียดมากกกกก ลองหาๆวิธีกรอกในกระทู้อื่นดูนะครับ

นั่งเครื่อง 6 ชั่วโมง ผ่านสภาพอากาศที่ดี ได้แสงเย็นๆมาบ้าง

จนมาถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เวลาประมาณ 5 โมงเย็นครับ
อากาศบอกเลยว่า แค่ในสนามบิน ก็ 0 องศาแล้วจ้าาาา

จุดแรกที่เรามาถึงเลยคือเราต้องไปซื้อตั๋วรถไฟ ไปที่พักที่ผมจองไว้ครับ นั่นก็คือเราต้องเลือกไปลงที่ Ueno Station นั่นเอง
โดยเลือกใช้บริการของ Keisei skyliner แต่เลือกซื้อของ Sky Access (สีส้ม) ในราคา 1,260¥

ซื้อตั๋วเสร็จ เราก็เดินตามทางสายสีส้มไปรอรถไฟกัน

ยืนรอซักแปบนึง รถไฟที่เราซื้อตั๋วไว้ก็มา

สัมผัสแรกในการขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นก็ตื่นเต้นนะครับ ขึ้นมาก็เลือกที่นั่ง ถ่ายรูปนู่นนี่นั่นไปเรื่อย

นั่งรถไฟประมาณ40หรือ50นาทีนี่แหละ (ลืมเวลา ฮ่าๆ) ก็มาถึงสถานี Ueno ครับ
สัมผัสแรกที่มาถึงขอบอกเลยว่าหนาวมากกกก อากาศประมาณ -2องศาครับ
ผมก็เปิด Google Maps จับที่โรงแรมที่เราพักเลยครับ ระหว่างนั้นหนาวๆก็ถ่ายรูปเมืองเค้าไปเรื่อย

จากสถานี Ueno ไปที่ โรงแรม New Tohoku ประมาณ 8-900 เมตร เดินประมาณ 9-10 นาที ก็มาถึงที่โรงแรมแล้วครับ ขอถ่ายหน้าโรงแรมตอนกลางวันมาให้เห็นนะครับ ตอนกลางคืนลืมถ่ายไว้ หน้าตาเป็นแบบนี้

คุณลุงเจ้าของที่พักใจดีและน่ารักมากครับ พูดภาษาอังกฤษพอได้นิดหน่อย
ก็ให้เราขึ้นมาพักที่ชั้น 2 ของโรงแรม
ห้องก็เป็นแบบนี้เล็กๆกระทัดรัดตามสไตล์ญี่ปุ่น

เมื่อถึงห้อง จัดการตัวเองเรียบร้อย ก็ออกไปหาร้านอาหารแถวที่พักนั้นแหละครับกิน
เลือกกันอยู่หลายร้าน สุดท้ายก็มาจบที่ร้าน Isomaru Suisan Ameyoko จัดหนักเลยครับ
วิธีการสั่งอาหารของร้านนี้ก็จะเป็นแท็บเล็ตเลือกอาหารที่เราต้องการครับ มีหลากหลายชนิด จนได้เมนูที่เราต้องการมานั่นก็คือ
กระดองปูย่าง ปลาหมึกกระทะร้อน ปลาชิมะฮอกเกะย่าง ข้าวผัด ข้าวกับมิโสะร้อนๆ และคราฟท์เบียร์ญี่ปุ่นเย็นๆ

ราคาอาหารทั้งหมดก็ 6400¥ กินเสร็จแล้วเราก็เข้าที่พัก พร้อมจะลุยต่อในวันพรุ่งนี้
โอยาซึมินะ ไซ ฝันดีครับ

วันที่
2

Day. 2

เช้าแรก และวันที่2 ในญี่ปุ่น ตื่นขึ้นมาด้วยอากาศที่โคตรหนาววววว
อาบน้ำเตรียมความพร้อมในการเดินทางวันนี้ แพลนวันนี้คือเราจะไป Kawaguchiko กัน

เนื่องจากว่าเรามาเที่ยวกันวันธรรมดา เช้านี้คนญี่ปุ่นจะค่อนข้างเยอะพอสมควร

เดินสักพักนึงเราก็มาถึงที่ Ueno Station ขั้นตอนแรกเราต้องไปซื้อตั๋วรถไฟก่อนเลยครับ
โดยผมเลือกใช้บริการของ JR Tokyo Wide Pass บัตรรถไฟราคา 10,000¥ แบบใช้ได้ 3 วันครับ
ซึ่งเราสามารถนั่ง Shinkansen และรถไฟ JR ซึ่งเราจะนั่งกี่รอบก็ได้
บัตรนี้ผมว่าคุ้มนะ สำหรับคนที่จะไปเที่ยวรอบๆโตเกียวหรือเมืองรอบๆโตเกียว

เมื่อซื้อตั๋วเสร็จ เราก็เดินตามเส้นสีเขียว รถไฟสายสีเขียวไปครับ

ขึ้นรถไฟจาก Ueno ไปลง Shinjuku ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาลงรถไฟที่สถานี Otsuki เพื่อ ต่อรถไฟไป Kawaguchiko
โดยเดินตามป้ายไปขึ้นรถไฟน่ารักๆ Fujikyu Railway

นี่ไงหน้าตาเจ้ารถไฟ Fujikyu Railway

ระหว่างทางก็มีหิมะเต็มเมืองไปหมด ก็หยิบกล้องมาถ่ายรูปไปเรื่อย

นั่งรถไฟมาสักพักใหญ่ เราก็เริ่มเห็นยอดฟูจิซังแล้ว

แค่มองจากบนรถก็สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆครับ นั่งมาอีกสักพักเราก็มาถึงที่สถานี Mt.Fuji เพื่อส่งคนลง
จากนั้นรถไฟก็ถอยหลังยาวๆ แล้วก็มาถึงสถานีปลายทางของเราแล้ว นั่นก็คือ สถานี Kawaguchiko

ลงจากรถไฟเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัส Kawaguchiko-Saiko Sightseeing Bus เป็นบัตรนั่งรถเรโทรบัส
เราสามารถนั่งได้รอบทะเลสาปเลย จะมีป้ายที่ลงทั้งหมด 21 ป้าย โดยที่ผมลงป้ายสุดท้ายเลยครับ ระหว่างทางก็จะเห็นภูเขาไฟฟูจิตลอด

ครั้งแรกที่ได้มาเห็นถูเขาไฟฟูจิ มันสุดยอดนะ สวยงามมากๆ อากาศก็หนาวมากๆเช่นกัน ไปชมกันครับ

อากาศดีมากจนต้องซื้อเบียร์มานั่งกินกับสาวๆอย่างฟูจิซังเลยครับ

ก่อนจากฟูจิซังไป ก็ไม่รู้จะได้มีโอกาสมาอีกเมื่อไหร่ งั้นขอถ่ายรูปคู่กันหน่อยนะ ^^


หลังจากไปชมความสวยงามของฟูจิแล้ว ผมก็เดินทางไปต่อที่ Shinjuku ต่อเลยครับ
โดยนั่งรถไฟสายเดิมนั่นแหละ ถึงชินจูกุแล้ว เมืองนี่คนเยอะมากๆ

มาถึงแล้วก็หาของกินก่อนเลยครับหิวมาก ก็เลยไปเจอร้านข้าวร้านนึง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
เลยขออนุญาตตามหาร้านโดยใช้ google street view ตามหาแล้วแคปหน้าจอมาให้ดูครับ
เมนูมื้อนี้เป็น ข้าวหน้าเนื้อกับเบียร์ kirin แก้เหนื่อย อิอิ

ออกจากร้านข้าวหน้าเนื้อ ก็เดินเล่นซักพักใหญ่ เกิดอาการหิวอีกแล้ว เลยเข้าร้านซูชิต่อเลย 5555
ร้านนี้ชื่อร้าน Sushi Mamire ครับ เซ็ทนี้ก็ประมาณ 2,000-3,000¥ โดยประมาณ

หมดวันที่ 2 ด้วยความเหนื่อยล้า หนาว และอิ่ม ผมก็เดินทางกลับที่พัก จากชินจูกุไปอูเอโนะ โดยรถไฟสาย JR เหมือนเดิม

จบวันที่ 2 เดี๋ยวมาต่อนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

วันที่
3

Day. 3


เช้าวันที่ 3 ในญี่ปุ่น อุณหภูมิประมาณ -1 วันนี้ผมมีโปรแกรมเดินทางไปที่ Takaragawa Onsen, Gunma
โดยนั่งรถไฟ Shinkansen ครั้งแรกในชีวิต (ตื่นเต้น)
การเดินทางก็ใช้บัตร JR Tokyo Wide Pass ครับ โดยนั่ง shinkansen ผมขึ้นจาก Ueno ไปลงที่ สถานี Jomokogen

ระหว่างก็ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย

ประมาณชั่วโมงกว่าๆหรือ2ชั่วโมงนี่แหละ ผมก็มาถึงที่สถานี Jomokogen

จากนั้นเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสที่ Tourist Information เป็นตั๋ว Minakami Area Pass ครับใช้ได้3 วัน
ราคา 2,000¥ หรือ เราจะซื้อเป็นราคารวมแช่ออนเซ็นได้เลยครับ หรือจะไปซื้อที่นู่นเลยก็ได้

เมื่อได้ตั๋วรถแล้ว เรากก็มารอรถที่ป้าย Bus 1 ครับ เพื่อขึ้นรถบัสไปลงที่ Minakami
และจากสถานี Minakami มาที่ Takaragawa onsen ประมาณ45-50นาทีครับ

ระหว่างทางหิมะปกคลุมทุกพื้นที่ไปหมดเลยครับ ขาวไปหมด อากาศประมาณ -3 องศา


ใช้เวลาสักพักนึง ก็เดินทางมาถึงที่ Takaragawa onsen ครับ เป็นแหล่ง onsen ที่สวยมากๆ
อยู่ในเขาท่ามกลางหิมะ และธรรมชาติที่ดีเลยครับไปดูความสวยงามกันครับ

ยอมรับตรงๆเลยครับว่าการมาที่นี่นั้น ผมต้องการมาแค่ถ่ายรูปแค่นั้นครับ
เพราะผมแช่ onsen ไม่ได้ เนื่องจากมีรอยสัก ก็เลยมาถ่ายรูปและกินอาหารนั่งดูวิวไปเรื่อย 5555

ก่อนจากบรรยากาศแบบนี้ไป ก็ขอถ่ายรูปคู่ด้วยซักหน่อย ไว้เป็นความทรงจำดีดีที่ได้มา

หลังจากชิวๆอยู่ในเมืองหิมะได้2-3ชั่วโมง ผมก็เดินทางต่อไปที่ เมืองที่ใครๆต้องมา นั่นก็คือ Shibuya นั่นเอง

5 แยกในตำนาน

เดินเล่นสักพักก็เริ่มหิว แล้วก็เจอร้านนึงมาตามรีวิวครับ เป็นร้านเนื้อชื่อว่า Han no Daidokoro Kadochika Restaurant
เป็นร้านอันดับต้นๆใน Shinuya เลย ร้านอยู่บนตึก Dogenzaka ชั้น 4 ครับ ออกจากลิฟท์ก็เข้าร้านเลย

สมแล้วครับที่เป็นร้านแนะนำอันดับต้นๆ ของ tripadvisor อร่อยมากๆ
เกิดมาก็พึ่งเคยกินเนื้อวากิว Yamagata Kobe Beef ที่อร่อยแบบนี้ครั้งแรกเหมือนกันนะ ราคามื้อนี้ก็อยู่ที่ 16,000¥ ครับ เพราะอร่อยจึงบอกต่อ

หลังจากอิ่มท้องก็เดินเล่นกันต่อเลย ถ่ายรูปช้อปปิ้งไปเรื่อย และก็ขอจบวันนี้ด้วยรูปถ่ายนะครับ
ทริปวันที่ 3 ก็จบไป ถือว่าคุ้มค่าและประทับใจมากๆครับ นอนพักผ่อนเอาแรงพร้อมเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้

วันที่
4

Day. 4
Last Day

วันสุดท้ายที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่น
ตื่นเช้ามาด้วยความหิวโหย เพราะใช้พลังงานเยอะในวันที่3
เราเลยมาเจอร้านนึง กำลังมีคนต่อแถวอยู่ไม่เยอะ เลยเลือกร้านนี้ละ

ร้านนี้มีชื่อว่า ร้าน 牛かつ もと村 Gyukatsu motomura เป็นร้าน ร้านเล็กๆในตรอกตรงข้ามกับ ueno park
คิวยาวจนคนต่อแถวรอเลยนะ พึ่งเคยกินเนื้อย่างแบบนี้ครั้งแรกแปลกดี
วิธีการกินก็ย่างบนเตาแผ่นไม้แล้วจิ้มวาซาบิกับซอสบ้าง เซ็ทนี้ละ 1,400¥ เพราะอร่อยจึงบอกต่อ

หลังจากอิ่มหนำสำราญ เราก็เดินเล่น ตลาด Ameyoko ซักแปบ แล้วก็ขึ้นรถไฟเดินทางต่อไปที่ Harajuku
โดยใช้ JR Pass เหมือนเดิม นั่งจากสถานี Ueno ไปลงที่ สถานี Harajuku


ถึงสถานี Harajuku สิ่งแรกที่เห็นก็คือ ถ้าในฐานะช่างภาพ เฮ้ย นี่มันแหล่ง Portrait ชัดๆ
แหล่งที่สาวๆหนุ่มๆแต่งตัวกันจี๊ดจ๊าดมากๆ สมดั่งคำที่คนไทยเอามาเพี้ยนคำเลย ว่า ฮาราจุ๊กกรู้ววว 5555

ที่นี่เอาจริงๆแล้วถ่ายรูปไม่เบื่อเลยนะ พวกที่มาด้วยกันก็แยกกันไปซื้อของ ส่วนตัวผมเองก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย ดูวิถีชีวิต ผู้คน

เดินเล่นจนเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันครับ
อุ้ย ลืมบอกไปว่า เรา check out ที่โรงแรมตอนก่อนออกมากินข้าวเช้าแล้วนะครับ โดยของเราฝากที่โรงแรมไว้ได้ครับผม

ออกจาก Harajuku ประมาณบ่ายๆ มาถึง ueno เพื่อซื้อของก่อนกลับประเทศไทยกันต่อครับ โดยไฟลท์บินของเราประมาณ 1 ทุ่มตรง

ขากลับนี้ เราเลือกเดินทางจาก Ueno ไปสนามบินนาริตะ
โดยใช้บริการของ Keisei Sky Liner ราคา 2,470¥ ที่ราคาแพงกว่าตอนมาเพราะว่าเป็นแบบรถไฟเร็วครับ

มาถึงสนามบินนาริตะเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยในเวลา 19.00 น. เดินทางถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ ตี2 ของไทยครับ

จบการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นของผมแล้วครับ ก็หวังว่าการเดินทางนี้อาจจะเป็นประโยชน์หรือเป็นแนวทางพอให้กับใครได้บ้างนะครับ
ส่วนค่าใช้จ่ายที่แลกมา 48,050¥ นั่น หมดเกลี้ยงจ้าาา 555
ผิดพลาดประการใด หรือผมอธิบายงงๆก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่กับการเดินทางครั้งหน้าครับ

ฝากวิดีโอสั้นๆด้วยนะครับ 5555

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)

    รีวิวที่คล้ายกัน

    ทริปที่ใกล้เคียง

    ไอเดียที่ใกล้เคียง