ข่าวและโปรโมชั่น

สิ่งของต้องสำแดง!! อ่านประกาศใหม่จาก "กรมศุลกากร"



เพื่อนๆ นักเดินทางทุกท่านโปรดทราบ "นาฬิกา-กล้องถ่ายรูป-โน๊ตบุ๊ก" ซึ่งเป็นของส่วนตัวหรือของเก่าที่ใช้แล้ว หากเพื่อนๆ จะนำติดตัวเดินทางออกไปนอกประเทศ ต้องแจ้งต่อพนักงานศุลกากรทุกครั้ง ถ้าไม่อยากเสี่ยงเสียภาษีตอนกลับ !!

สำหรับประกาศฉบับใหม่ของกรมศุลกากร ฉบับ 60/2561 ที่ลงนามโดย นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรคนปัจจุบัน ซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้กำหนดสาระสำคัญที่นักเดินทางจะต้องพึงรับทราบดังนี้
 
  • ผู้โดยสารที่จะนำของมีค่าซึ่งเป็นของเก่าใช้แล้ว ออกนอกราชอาณาจักร เช่น นาฬิกา กล้องถ่ายรูป หรือคอมพิวเตอร์สำหรับพกพา (โน๊ตบุ๊ก) จะต้องแจ้งต่อพนักงานศุลกากรทุกครั้ง ณ ห้องที่ทำการศุลกากรบริเวณห้องผู้โดยสารขาออก โดยต้องนำภาพถ่ายของสิ่งของที่นำมาแจ้งจำนวน 2 ชุด เพื่อจะได้รับมอบ ใบรับแจ้งของมีค่าที่ผู้โดยสารนำติดตัวอออกไปและนำกลับมาแสดงในวันเดินทางกลับ 
 
  • เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย ให้แสดงใบรับแจ้งของมีค่าต่อพนักงานศุลกากรช่องแดงในวันเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อขอรับการยกเว้นอากรในฐานะของใช้ส่วนตัว โดยต้องเป็นของเก่าใช้แล้ว และมีจำนวนพอสมควรแก่การเดินทาง
 
  • ของมีค่าหรือของส่วนตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวไปขณะเดินทางออกนอกประเทศ และใช้เป็นปกติวิสัยในระหว่างการเดินทาง หรือเป็นเครื่องประดับการแต่งกายตามปกติ ไม่ต้องแจ้งต่อพนักงานศุลกากร
 
  • สำหรับผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ของใช้ส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตน สำหรับไว้ใช้เองหรือใช้ในวิชาชีพและมีจำนวนพอสมควร มีราคารวมกันไม่เกิน 20,000 บาท ให้ได้รับการยกเว้นอากร
 
  • สุรา บุหรี่ หรือซิการ์ เป็นของส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตน ให้ได้รับการยกเว้นอากรต่อเมื่อไม่เกินปริมาณที่กำหนด ดังนี้ บุหรี่ 200 มวน หรือซิการ์ หรือยาเส้น อย่างละ 250 กรัม หรือหลายชนิดรวมกันมีน้ำหนักทั้งหมด 250 กรัม แต่ทั้งนี้บุหรี่ต้องไม่เกิน 200 มวน สุรา 1 ลิตร หากนำเข้ามาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ให้เจ้าของสละการครอบครองโดยนำไปใส่ไว้ในกล่องโปร่งใส ที่ทางศุลกากรจัดทำไว้ให้ 
 
  • หากผู้โดยสารมีสิ่งของที่นำติดตัวเข้ามาพร้อมกับตน ในวันที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกัน ไม่เกิน 200,000 บาท หรือเป็นของที่มีมูลค่าเกินกว่า 200,000 บาท และนำติดตัวเข้ามาเพียงชิ้นเดียว ให้อยู่ในอำนาจของพนักงานศุลกากรผู้ควบคุมกำกับดูแลการเก็บอากรปากระวางเป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้จัดเก็บอากรปากระวางได้ ประกอบด้วย อากรขาเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย และค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี)
 
  • ของที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากรขาออกในเมือง (Duty Free) หรือร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารผู้โดยสารขาออก ณ สนามบิน จะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น หากนำกลับเข้ามาให้ผ่านการตรวจที่ช่องแดง (Goods to Declare) และชำระอากร

นอกจากนี้กรมศุลกากร ได้ชี้แจงว่า จริงๆ เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันอยู่แล้ว เพียงแต่ประกาศใหม่ ได้กำหนดประเภทของมีค่าใช้แล้วให้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เพราะหากนำออกไป เมื่อนำกลับมาแล้ว ถูกเจ้าหน้าที่สุ่มตรวจแล้วไม่เชื่อว่าเป็นของเก่า อาจจะถูกเรียกเก็บภาษีได้ เนื่องจากระยะหลังๆ มีการเลี่ยงการเสียภาษีของเหล่านี้โดยอ้างว่าเป็นของใช้แล้วมากขึ้น ตามกฎหมายศุลกากร ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หากหิ้วของที่มีมูลค่าเกิน 20,000 บาท มาในไทยจะต้องแจ้งที่ "ช่องแดง" เพื่อเสียภาษี อาทิ นาฬิกา เสียภาษีศุลกากร 5% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ส่วนโทรศัพท์ กล้อง และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ แม้จะได้รับยกเว้นภาษีศุลกากร แต่ยังต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เป็นต้น โทษของการเลี่ยงภาษี นอกจากจะถูกปรับ 4 เท่าของมูลค่าของ ยังอาจโดนโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี !!

สำหรับใครที่วางแผนเตรียมบินไปซื้อของแบรนด์เนม ของกิน ของใช้ ที่ต่างประเทศ รีบอ่านก่อนเดินทาง เพื่อที่กลับมาจะได้ไม่เกิดปัญหา ไม่ต้องมานั่งกุมขมับกับการทำผิดกฎหมายที่ต้องเสียค่าปรับเพิ่มจากราคาของอีกหลายเท่าตัว

หากเดินทางที่ สนามบินสุวรรณภูมิ สามารถกรอกแบบฟอร์มที่ชั้น 4 ประตู 10 ผู้โดยสารขาออก ส่วนที่ สนามบินดอนเมือง สามารถกรอกแบบฟอร์มได้ที่ชั้น 3 ประตูผู้โดยสารขาออกเช่นกัน การเดินทางออกนอกประเทศโดย สนามบินต่างจังหวัด สามารถสอบถามได้ที่สนามบินนั้นๆ ส่วนการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ต้องสำแดงสิ่งของก่อนออกนอกประเทศที่ด่านศุลกากรในพื้นที่เช่นกัน
 


กรมศุลกากร, สิ่งของต้องสำแดง

สรุป สิ่งของที่เหล่านักเดินทางสามารถเดินตัวปลิวเข้าช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (Nothing to Declare) หรือช่องเขียวได้ทันที ขอย้ำว่าคุณต้องแน่ใจจริงๆ ว่าไม่มีของต้องสำแดงจริงๆ เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจพบเจอ ของที่มีมูลค่าเกิน 20,000 หรือของผิดกฎหมาย คุณโดนปรับแน่นอน!!


สิ่งของที่ไม่ต้องสำแดงมีรายละเอียดดังนี้
 
  1. มีของใช้ส่วนตัวสำหรับ 1 คน (ที่ไม่ใช่ของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือเสบียง และไม่ได้เป็นในทางการค้า) มูลค่ารวมไม่เกิน 20,000 บาท (รวมของใช้ที่นำออกไปจากประเทศด้วย)

  2. บุหรี่ไม่เกิน 200 ม้วน หรือยาสูบไม่เกิน 250 กรัม หรือน้ำหนักรวมทั้งหมดทุกประเภท ไม่เกิน 250 กรัม

  3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 1 ลิตร หากเกินกว่าปริมาณที่กำหนด แนะนำให้หย่อนใส่กล่องที่กรมศุลกากรจัดไว้ ตัดปัญหาถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย


ส่วนใครที่ซื้อของมาเต็มกระเป๋า คิดจะตีเนียนเดินออกช่องเขียวหรือช่องไม่ต้องสำแดง หากโดนเจ้าหน้าที่ตรวจพบ สิ่งที่คุณต้องเจอมีรายละเอียดตามนี้
 
  1. ปรับ 4 เท่าของมูลค่าของ บวกค่าภาษีและอากร

  2. จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

  3. สิ่งของที่หลีกเลี่ยงเสียภาษีต้องถูกริบเป็นของแผ่นดิน

ช่วงนี้ใครกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ govivigo ขอแนะนำให้เพื่อนๆ เผื่อเวลาให้มากขึ้นกว่าเดิม ขอให้ทุกคนเดินทางท่องเที่ยวโดยสวัสดิภาพและมีความสุข
 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : customs.go.th , airportthai.co.th 




 

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)