ข่าวและโปรโมชั่น

ครั้งหนึ่งในชีวิต ลอดท้องพระยาช้างชนะศึกภู่ก่ำงาเขียว จังหวัดลำพูน พรจะสมหวัง



ลำพูน เมืองเล็ก ๆ ในภาคเหนือ มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างมากมายทั้งวัดวาอาราม เจดีย์เก่าแก่ ศิลปะล้านนาแท้ที่มีลวดลายอันวิจิตรงดงาม อีกทั้งงานหัตถกรรมที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนาน และที่ห้ามพลาดคือ แหล่งท่องเที่ยวโบราณ กู่ช้าง กู่ม้า ที่ชาวเมืองลำพูนเคารพนับถือกันอย่างมาก ตามประวัติศาสตร์ได้เล่าว่า กู่ช้าง ตามตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นเพื่อบรรจุซากพระยาช้าง ชื่อ ปู่ก่ำงาเขียว หมายถึงช้างสีคล้ำ งาสีเขียว เป็นช้างคู่บารมีของ พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ปู่ก่ำงาเขียวเป็นช้างที่มีฤทธิ์มาก เมื่อออกศึกสงคราม เพียงแค่ช้างหันหน้าไปทาง ศัตรู ก็ทำให้ศัตรูอ่อนแรงลงได้ หลังจากช้างปู่ก่ำงาเขียวล้มพระนางจามเทวีโปรดให้นำซากช้างมาฝังไว้ที่นี่ และเนื่องจากเมื่อยังมีชีวิตอยู่เป็นช้างที่มีอิทธิฤทธิ์วิเศษ หากงาช้างชี้ไปทางใด ก็จะทำให้เกิดภัยพิบัติและผู้คนล้มตาย พระนางจึงโปรด ให้สร้างเจดีย์ทรงสูงครอบไว้โดยให้ปลายงาชี้ขึ้นฟ้าชาวลำพูนให้ความเคารพนับถือกู่ช้างมาก มีการสร้างศาลเจ้าพ่อกู่ช้างไว้ในทางทิศตะวันออกใกล้กับองค์เจดีย์ด้านหน้า ศาลเจ้าพ่อกู่ช้าง มีรูปปั้นจำลองของปู่ก่ำงาเขียว เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาสักการะ เชื่อกันว่าหากได้ลอดท้องพระยาช้างเชือกนี้ จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา 

ปัจจุบันกู่ช้าง กู่ม้า ตั้งอยู่ที่ชุมชนวัดไก่แก้ว ซอยโรงเรียนจักรคำคณาทร อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน (ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กม.) ถือเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองลำพูน อีกทั้งยังเป็น 1 ใน สถานที่ท่องเที่ยวจากโครงการ “เขาเล่าว่า...” ของ ททท. โดยมีตำนานที่เล่าขาน "ว่ากันว่า...ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้ามีโอกาสได้ลอดท้องพระยาช้างชนะศึกภู่ก่ำงาเขียว จะได้พรแห่งชัยชนะให้สมหวังในทุกสนามการแข่งขัน ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน การต่อสู้ ทำศึกสงคราม และการดำรงชีวิต" และในสมัยก่อน คนที่จะเดินทางไปไหน ต้องหยิบก้อนหินก้อนดินแถวๆ กู่ช้างนั้นขึ้น แล้วอธิษฐานให้แคล้วคลาดปลอดภัย จากนั้นจึงนำหินติดตัวไปด้วย เมื่อกลับมาก็เก็บไว้ในบริเวณเดิม และคนที่นำก้อนหินติดตัวไปก็มักจะแคล้วคลาดปลอดภัยเสมอเหมือนดังที่อธิษฐานไว้จริงๆ ​

ใครอยากประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้านอย่าลืมไปขอพรกันที่ กู่ช้าง กู่ม้า กันที่จังหวัดลำพูนนะคะ คำขอนั้นจะได้เป็นจริง

ขอขอบคุณรูปภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)





 

ความคิดเห็นทั้งหมด (2)

  • 01/11/2016 22:29
    - การไปแช่สะดือมังกรควรไปแช่ในช่วงเดือนที่คลื่นลมไม่แรงครับ เพราะพลังของสะดือมังกรคือ จะมีกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นไหลเวียนอยู่ในบริเวณนั้น และช่วงเวลาที่จะสัมผัสพลังธรรมชาติของกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นได้ คือช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนเช้าก่อนมีแสงอาทิตย์ เมื่อเดินลงไปในทะเลในตำแหน่งสะดือมังกร ยืนนิ่งๆ จะสัมผ้สกระแสน้ำทะเลที่มากระทบตัวเราได้ว่า มีกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นหมุนเวียนสลับกันมากระทบต้วเรา แต่ถ้าแสงอาทิตย์ส่องน้ำทะเลแล้วน้ำทะเลจะอุ่นเหมือนกันหมด การไปแช่ตอนกลางวันจึงไม่สามารถสัมผัสได้
    รายงานโพสต์นี้
  • 01/11/2016 22:30
    - และถ้าเป็นช่วงที่คลื่นลมแรง กระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นบริเวณสะดือมังกรจะถูกคลื่นซัดจนน้ำอุ่นกับน้ำเย็นผสมรวมกันแยกสัมผัสไม่ได้
    รายงานโพสต์นี้