หลังจากที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมจำนวนมาก เกี่ยวกับการสำแดงสิ่งของส่วนตัวหรือของเก่าที่ใช้แล้วก่อนเดินทางออกนอกประเทศนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ ๕ เมษายน นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ออกประกาศกรมศุลกากร ที่ ๗๙/๒๕๖๑ เรื่อง แก้ไขประกาศกรมศุลกากร ที่ ๖๐/๒๕๖๑ ระบุว่า
" ตามที่กรมศุลกากรได้ออกประกาศกรมศุลกากรที่ ๖๐/๒๕๖๑ เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรของติดตัวผู้โดยสารที่นำติดตัวเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรพร้อมกับตน ทางท่าอากาศยาน ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๑ นั้น
เนื่องจากประกาศกรมศุลกากรฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาบางประการสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ดังนั้น จึงให้แก้ไขโดยให้ยกเลิกความในข้อ ๔ การรับแจ้งของมีค่าที่ผู้โดยสารนำติดตัวออกไปนอกราชอาณาจักร ของประกาศฉบับดังกล่าวเสียทั้งสิ้น "
สำหรับความในข้อ ๔ ของประกาศกรมศุลกากร ที่ ๖๐/๒๕๖๑ ที่ยกเลิก มีสาระสำคัญ คือ กรณีเดินทางออกนอกประเทศ หากจะนำของมีค่าออกไป เช่น นาฬิกา กล้องถ่ายวิดีโอ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์สำหรับพกพา ซึ่งมีเครื่องหมาย เลขหมายที่สามารถตรวจสอบได้ ให้แจ้งต่อพนักงานศุลกากร เมื่อกลับมายังประเทศไทย ให้แสดงใบรับแจ้งของมีค่าต่อพนักงานศุลกากรช่องแดงในวันเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อขอรับการยกเว้นอากรในฐานะของใช้ส่วนตัวโดยต้องเป็นของเก่าใช้แล้ว และมีจำนวนพอสมควรแก่การเดินทาง
ข้อความในประกาศดังกล่าว ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมจำนวนมาก กระทั่ง นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร ชี้แจงว่า ข้อกำหนดดังกล่าว มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่มคณะบุคคล กองถ่ายภาพยนตร์ ไม่ได้กำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนจะต้องนำสิ่งของไปแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางออกนอกประเทศทุกครั้ง ผู้โดยสารปฏิบัติอย่างไรให้ทำได้เป็นปกติเหมือนเดิม ส่วนช่องขาเข้า ผู้โดยสารช่องเขียว ช่องแดง เพื่อให้สำแดงสินค้าเสียภาษีนั้น เจ้าหน้าที่จะใช้ระบบสุ่มตรวจเหมือนเดิม
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)