"แสงเหนือ" หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า
"ออโรร่า" เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ คนอยากออกเดินทางไปเสาะหาให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง ใครที่กำลังอยากจัดทริปตามรอยแสงเหนือแต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี วันนี้ govivigo อยากชวนเพื่อนๆ ให้ลองมาดู 6 ประเทศรอบโลกที่สามารถไปเที่ยวชมแสงเหนือ พร้อมที่พักแนะนำหลากหลายแบบ ที่
อโกด้า หนึ่งในผู้ให้บริการการจองห้องพักออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกเลือกสรรมาให้
เพื่อประสบการณ์การชมแสงเหนือสุดเพอร์เฟค อโกด้า ขอแนะนำว่าช่วงเวลาออกผจญภัยไปตามรอย ควรเป็นตอนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ในระหว่าง
ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน ดังนั้นเราจึงยังมีเวลาวางแผนทริปล่วงหน้าได้สบาย ๆ
สแกนดิเนเวีย ทั่วสแกนดิเนเวียมีสถานที่ให้ไปรอลุ้นดูปรากฏการณ์แสงเหนือมากมาย
ประเทศนอร์เวย์
ทรอมโซ (Tromsø) ในประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ตามล่าแสงเหนือ เพราะการเดินทางสะดวกสบาย แถมตำแหน่งที่ตั้งของเมืองยังอยู่กลาง
วงแหวนออโรรา (Aurora Oval) ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นแสงเหนือได้บ่อยครั้ง ใครที่เป็นสายกินและสายคอนเสิร์ต เมืองนี้มีจัดเทศกาลอาหารและดนตรี รวมถึงเทศกาลอื่น ๆ ตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มสีสันและความสนุกสนานให้กับมิชชั่นตามล่าแสงเหนือได้เป็นอย่างดี
ที่พักแนะนำ : ดื่มด่ำกับบรรยากาศความเป็นส่วนตัวที่โรงแรม
Radisson Blu Hotel Tromso ด้วยทำเลที่ตั้งอันเหมาะเจาะ การเดินเท้าเที่ยวสถานที่มีชื่อเสียงในเมือง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะนอร์เวย์เหนือ (Nordnorsk Kunstmuseum) มหาวิหารทรอมโซ (Tromsø Cathedral) และหอศิลป์เครน (Krane Art Gallery) จึงไม่ใช่เรื่องยาก
ประเทศฟินแลนด์
แลปแลนด์ (Lapland) เป็นภูมิภาคทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ รัสเซีย และทะเลบอลติก ถือเป็นบ้านของซานตาคลอส คุณลุงใจดีใส่เสื้อสีแดงผู้เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั่วโลก และเป็นจุดที่มีแสงเหนือแบบแทบจะเรียกได้ว่าวันเว้นวัน โดยเฉพาะวันไหนที่อากาศและท้องฟ้าเป็นใจมาก นักท่องเที่ยวจะมองเห็นแสงเหนือจากเมืองที่อยู่ไกลออกไปได้
ที่พักแนะนำ : เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างแสงเหนือ เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร โรงแรม
Santa's Hotel Aurora & Igloos ในหมู่บ้านสกีรีสอร์ทขนาดเล็กชื่อลูสโต (Luosto) จึงสร้างห้องพักสไตล์กระท่อมเอสกิโมทำจากกระจกใสไว้คอยบริการ ผู้เข้าพักสามารถมองเห็นท้องฟ้าและบรรยากาศภายนอกได้ตลอดเวลา แถมทางโรงแรมยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีแสงเหนือปรากฎขึ้น ช่วยให้แขกไม่พลาดประสบการณ์อันน่าประทับใจ
ประเทศสวีเดน: แลปแลนด์
สำหรับการผจญภัยตามล่าแสงเหนือในสวีเดน ลองเริ่มต้นที่เมืองหลวงอันเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่าง กรุงสตอกโฮล์ม จากนั้นค่อยมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปที่แลปแลนด์
สู่อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) เพื่อชมแสงเหนือ ในวันที่ท้องฟ้ามืดสนิท สีเขียวของแสงเหนือจะดูสดและสว่างยิ่งขึ้น
ที่พักแนะนำ : หากโชคดีนักท่องเที่ยวจะได้เห็นแสงเหนือจากในห้องพักของโรงแรม
Mattarahkka Northern Light Lodge และก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด ลองแวะไปฟิกา ซึ่งหมายถึงการนั่งจิบกาแฟชิล ๆ ตามสไตล์คนสวีเดนได้ที่ห้องโถงกลาง
อเมริกาเหนือ
อลาสก้า, สหรัฐอเมริกา
เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) ในรัฐอลาสก้า อยู่ในตำแหน่งใต้วงแหวนออโรรา จึงถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมแสงเหนือที่ดีที่สุดในอเมริกา ในเมืองนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมายระหว่างรอชมปรากฎการณ์แสงเหนือ ทั้งเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งออโรรา (Aurora Ice Museum) นั่งจิบค็อกเทลนานาชนิดที่บาร์น้ำแข็ง หรือแช่บ่อน้ำพุร้อนคลายความหนาวกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามของอลาสก้าที่
น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs)
ที่พักแนะนำ : พักผ่อนในห้องพักและห้องสวีทพื้นที่กว้างขวางที่เบดแอนด์เบรคฟาสต์
Fairbanks Moose Manor B&B พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง อาหารเช้าสไตล์โฮมเมด การเดินทางก็สะดวกเพียงไม่กี่นาทีจากตัวเมือง ทัศนวิสัยโดยรอบโรงแรมที่ค่อนข้างปลอดโปร่งไร้มลพิษ ช่วยให้มีโอกาสมองเห็นความสวยงามของแสงเหนือได้อย่างสบายและสดชื่น
ประเทศแคนาดา
แคนาดาเป็นอีกประเทศที่มีจุดชมแสงเหนือมากมาย โดยเฉพาะทางเหนือของแคนาดา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ จุดที่สวยที่สุดในการชมแสงเหนือคือ ออโรรา วิลเลจ เมือง Yellowknife ซึ่งสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน แบบวิว 360 องศา โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ เพราะอยู่ห่างขั้วโลกเหนือเพียงแค่ 400 กิโลเมตร
ที่พักแนะนำ : เอนหลังพักผ่อนที่
Aurora Deluxe Guest House เกสต์เฮาส์ทันสมัยที่ให้บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง โดยมีห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหารส่วนกลาง ให้ได้ทำความรู้จักกับกับเพื่อนนักเดินทางด้วยกัน ระหว่างรอชมปรากฏการณ์
ประเทศไอซ์แลนด์
ด้วยความที่ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ใกล้กับ
อาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ในเขตแอตแลนติกเหนือ ดินแดนแห่งน้ำแข็งและภูเขาไฟแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือ ถึงแม้แสงเหนือจะมองเห็นได้ในเขตเมืองหลวงอย่างกรุงเรคยาวิก ผู้คนส่วนมากก็มักเดินทางออกไปนอกเมือง เพราะมีโอกาสจะได้เห็นแสงเหนือมากกว่า แถมระหว่างทางยังมีที่เที่ยวหลายแห่งให้แวะดู เช่น
โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) หนึ่งในทะเลสาบธารน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์
ที่พักแนะนำ : โรงแรม
Hali Country Hotel ให้บริการอพาร์ทเมนต์สองห้องขนาดใหญ่กำลังดี เหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แถมยังห่างจากทะเลสาบโจกุลซาลอนไม่ถึง 15 นาที
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)