การเดินทางมาปีนังนั้นสามารถเลือกได้หลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นนั่งเครื่องบิน ขับรถยนต์ นั่งรถทัวร์ นั่งรถตู้ หรือแม้กระทั้งนั่งรถไฟ ก็สามารถมาถึงปีนังได้ทั้งนั้น เอาเป็นว่าสะดวกแบบไหนก็เลือกเดินทางแบบนั้นเลยจ๊ะ สำหรับครั้งนี้เราเลือกใช้บริการรถไฟ จากชุมทางหาดใหญ่ไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ เพื่อที่จะข้ามเฟอร์รี่ไปยังเกาะปีนัง เหตุผลคือ ตกงานเลยกลับมาพักใจที่หาดใหญ่กับครอบครัว (เฮ้ยยยย ช่วงตกงานเราไม่ควรเสียเงินไปเที่ยวม๊ะ)
[แนะนำ : หาดใครอยู่ใกล้หาดใหญ่ หรือแวะมาหาดใหญ่ แล้วจะแวะไปปีนัง จะเลือกใช้บริการ รถตู้ รถทัวร์ รถไฟ ก็โอเคนะครับ แต่หากมาจากกรุงเทพฯ แนะนำว่านั่งเครื่องบินมายังปีนังจะสะดวกกว่านั่งเครื่องบินมาลงหาดใหญ่ แล้วต่อรถไปยังปีนังนะครับ ประหยัดทั้งเวลา เรื่องราคาก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ ]
เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปยัง ชุมทางหาดใหญ่ เมื่อถึงสถานีรถไฟแล้วเดินเข้าไปเลยจ้า อย่ารีรออะไรทั้งสิ้น รถไฟที่จะไปสถานีปาดังเบซาร์ (มาเลเซีย) มี 2 รอบต่อวัน ให้บริการทุกวัน ราคา 70 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
-ขบวน 947 / 7.30น. – 8.22น. / หาดใหญ่ – คลองแงะ – ปาดังเบซาร์ (ไทย) – ปาดังเบซาร์ (มาเลเซีย)
-ขบวน 949 / 13.05น. – 13.58น. / หาดใหญ่ – คลองแงะ – ปาดังเบซาร์ (ไทย) – ปาดังเบซาร์ (มาเลเซีย)
การเดินทางเป็นแบบระยะสั้น ซื้อตั๋วล่วงหน้าไม่ได้นะ แล้วก็ไม่ต้องกลัวตั๋วเต็ม ถ้าไม่ใช่ช่วงวันหยุดหรือเทศกาล แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุด แกก็ไปซื้อตั๋วเร็วหน่อยสิ
รถไฟออกตรงเวลาครับ วันที่เดินทางคนไม่เยอะมาก ส่วนมากก็เป็นคนมาเลเซียกับฝรั่ง (เราคนไทยคนเดียวเหงาๆ) หากใครหิว ซื้ออาหารมาก็ทานบนรถได้เลยครับ มีถาดหลังเบาะเหมือนเครื่องบินเป๊ะๆ ที่สำคัญแอร์เย็นมากกกกกกกกกกกกก ที่นั่งก็แบ่งเป็น 2-2 หัวและท้ายของตู้จะเป็นที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหากัน 4 ที่นั่ง (ใครมากะเพื่อนคงเม้ามอยกันสนุกอะจ๊ะ) รถไฟจอดแค่ 2 สถานี คือสถานีคลองแงะ และปาดังเบซาร์ (ไทย) ไปสุดสายที่ สถานีปาดังเบซาร์ ฝั่งมาเลเซีย
ปู๊นๆ ปาดังเบซาร์ สเตชั่น พลีส มาย เดอะ แก๊บ บีทวีน เทรนด์ แอนด์ แพลตฟอร็ม เอ้ยย ไม่ใช่ๆ เมื่อถึงสถานีปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซียแล้ว เราก็ต้องผ่าน ตม ของทั้งสองประเทศครับ สถานีรถไฟเล็กๆ ไม่ต้องกลัวหลง เดินลงจากรถไฟ แล้วไป ตม ได้เลยฮ๊ะ สำหรับฝั่งไทยเขียนใบผ่าน ตม แล้วเอาไปให้เจ๊เจ้าหน้าที่ปั้มซะ เดินวนไปยัง ตม มาเลเซีย ไม่ต้องเขียนใบอะไร สแกนนิ้วเท่านั้น แล้วก็สแกนกระเป๋า พอเสร็จการผ่าน ตม ของทั้งสองประเทศแล้ว เราก็เดินขึ้นไปชั้น 2 เพื่อซื้อตั๋วไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ
พูดกับเจ๊ขายตั๋วไปเลยว่า “BUTTERWORTH” แล้วก็จ่ายเงินไป 11.40 RM (เราไม่รู้ว่าเขารับเงินบาทไหม แต่แกก็ควรแลกเงินมาก่อนเดินทางแล้วนะจ๊ะ)
รถไฟที่นี่ ไม่ต้องซีเรียสมากนะ ให้นึกถึงการขึ้น BTS หรือ MRT ถ้าไม่ทันขบวนนี้ รอขึ้นขบวนหน้าก็ได้ (เอาจริงๆ มันก็เสียเวลาแหละ รอเป็นขั่วโมงเลย) รถไฟไปบัตเตอร์เวอร์ธที่เราจะไปออกจากสถานีตอน 10.25 น. ตอนนี้ก็เก้าโมงครึ่ง งั้นเดินเล่นสิ เดินๆๆๆๆๆๆๆๆ (อย่าลืมปรับเวลาด้วยนะ มาเลเซียเวลาเดินเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
และนี่ก็คือ รถไฟที่จะพาเราไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ พอถึงเวลาเดินทาง รถไฟก็มาจอด เราก็เข้าไปนั่งได้เลย
อย่างที่บอกอะครับ อารมณ์ BTS หรือ MRT บ้านเรา (จริงๆ ก็อารมณ์รถไฟฟ้าในหลายๆ ประเทศ) ไม่ได้ระบุที่นั่ง เลือกได้ตามสบาย การเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจ้า และที่สำคัญก่อนถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว เพราะฉะนั้นห้ามทิ้งตั๋วเด็ดขาด
นั่งๆ นอนๆ เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงบัตเตอร์เวอร์ธ เดินออกจากรถไฟแล้วก็ขึ้นไปขั้นบน จะมีการตรวจตั๋วอีกครั้งนะครับ จากนั้นก็เดินตามป้าย (สถานีรถไฟไม่ใหญ่ ไม่ต้องกลัวหลงเน้อ) ตามป้าย FERI (Ferry) เพื่อไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะปีนัง
เดินมาเรื่อยๆ ขึ้นๆ ลงๆ ก็มาถึงจุดนี้ ใครมีเหรียญ 1.40 RM ใครไม่มีเหรียญเขามีให้แลกนะ
ระหว่างอยู่บนเฟอร์รี่เราสามารถเห็นสะพานปีนัง 1 ที่มีความยาว 13.5 กิโลเมตร ซึ่งเคยติดอันดับ 1 ใน 5 สะพานที่ยาวที่สุดในโลก ส่วนสะพานปีนัง 2 มีความยาวถึว 24 กิโลเมตร เป็นสะพานเชื่อมเกาะที่ยาวที่สุดในประเทศมาเลเซียและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย (สะพานจะตั้งถัดจากสะพานปีนัง 1)
พอถึงปีนังแล้ว เราจะอยู่ตรง Ferry ตามแผนที่ แพลนไว้ว่าจะเดินไปยังโรงแรมที่อยู่แถวๆ ตึก Komtar แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราก็จะเที่ยวหมู่บ้านชาวประมง และเดินชมเมืองตามถนน Lebuh Armenian
วิธีไปหมู่บ้านชาวประมงไม่ยากเลยจ๊ะ ออกมาจากท่าเรือแล้ว เราจะเจอท่ารถ Jetty อยู่ทางซ้ายมือง หากใครจะไปตึกคอมต้าสามารถขึ้นรถตรงนี้ได้เลยครับ (เป็นต้นสายรถบัสเลยละ) แต่เราจะไปหมู่บ้านชาวประมงก่อน เดินออกมาถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปนิดเดียวก็ถึงละฮ๊ะ
ขอพูดรวมๆ เลยละกันนะครับ หมู่บ้านชาวประมงจะอยู่ติดริมทะเล บรรยาการก็เป็นแบบหมู่บ้านที่ยื่นออกไปในทะเล เป็นบ้านไม้ให้บรรยาการคลาสสิคเลยทีเดียว ระหว่างทางส่วนใหญ่ก็เป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร อาจจะไม่ค่อยเห็นภาพการใช้ชีวิตของชาวประมงระแวกนี้สักเท่าไร แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของวิถีชาวประมงอยู่พอสมควร
ออกจากหมู่บ้านชาวประมงก็เดินเข้าทางบนถนน American เราก็จะเริ่มพบกับสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่ยังคงรักษาไว้อย่างดี ที่แรกที่เราไปคือ Seh Tek Tong Cheah Kongsi วัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดในปีนัง ที่รวมเอาอารยธรรมและสถาปัตยกรรมจีนไว้อย่างลงตัว แต่น่าเสียดายเพราะไม่ได้เดินชมในวัดเลย ได้แค่ถ่ายจากรั้วด้านนอกวัด เนื่องจากวัดปิด (เสียใจมากจริงๆ)
เราเดินตามถนน American ไปเรื่อยๆ แล้วเราก็พบว่า เสน่ห์ของปีนังนอกจากจะเป็นเมืองเก่าแก่ที่รวมเอาหลากหลายวัฒนธรรมไว้ในเมืองเดียวกันแล้ว การตามหา Street Art นี้แหละที่เมืองปีนังนี่แหละ ที่ทำให้การมาเที่ยวปีนังครั้งนี้สนุกขึ้นมาเลย
[ ใครที่อยากตามล่า Street Art ที่เมืองปีนัง แล้วไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน สามารถดูแผนที่ได้ที่ https://www.google.com/maps/d/u/0/viewer?mid=1PArh7Daj9X0mexQLXBTwFa5QBKE&hl=en_US&ll=5.307342794495498%2C100.35524805&z=11 ]
เดินมาสักพักเราจะเจอกับ Hock Teik Cheng Sin Temple วัดจีนเก่าแก่ที่สร้างโดยชาวจีนเมื่อ 165 ปีที่ผ่านมา
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)